รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ผู้นำสหรัฐฯสั่งปลด แบรด พาร์สเกล (Brad Parscale) เปลี่ยนให้ บิล สเตเปียน (Bill Stepien) เข้าทำหน้าที่แทนหลังจากผลโพลความนิยมรูดตามหลังคู่แข่ง ขณะที่ โจ ไบเดน ออกมาส่งสัญญาณกำลังอยู่ในกระบวนการเลือกผู้ที่จะเข้าชิงร่วมในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (16 ก.ค.) ว่า ในการโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาตัดสินใจเปลี่ยนให้ บิล สเตเปียน (Bill Stepien) เข้าทำหน้าที่ในฐานะผู้จัดการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 คนใหม่แทน แบรด พาร์สเกล (Brad Parscale)
ขณะที่พาร์สเกลจะถูกให้ไปทำหน้าที่ดูแลด้านยุทธศาสตร์ข้อมูลและดิจิทัลแทน
ข่าวลือการเปลี่ยนตัวผู้จัดการหาเสียงทีมทรัมป์นั้น เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานแล้ว พาร์สเกลถูกตำหนิเป็นการภายในสำหรับความล้มเหลวในการหาเสียงครั้งแรกของทรัมป์ที่ทัลซา (Tulsa) รัฐโอกลาโฮมา ที่มีประชาชนเข้าร่วมเป็นเพียงจำนวนน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้
และผลจากไวรัสโคโรนาทำให้พาร์สเกลและเจ้าหน้าที่หาเสียงคนอื่นที่เข้าร่วมต้องทำการกักกันโรคเป็นเวลา 2 สัปดาห์
แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าวว่า ทรัมป์ไม่พอใจในผลโพลความนิยมที่ออกมาล่าสุด ขณะที่สเตเปียนผู้จัดการคนใหม่นั้น เป็นที่รู้จักกันดีทั้งกับผู้นำสหรัฐฯและบุตรเขย จาเรด คุชเนอร์ ที่มีบทบาทมากในการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ และเขา (สเตเปียน) เคยทำหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการทางการเมืองประจำทำเนียบขาว ก่อนที่จะถูกย้ายให้มาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมหาเสียงให้ทรัมป์ รอยเตอร์ชี้
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของผู้นำสหรัฐฯพบว่า เขาได้ให้เครดิตในผลงานความสำเร็จแก่ทั้งพาร์สเกล และสเตเปียนสำหรับความสำเร็จในการชนะการเลือกตั้งปี 2016 และยังคาดการณ์ต่อว่าเขาจะสามารถชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นผู้นำต่อในสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
“สิ่งนี้จะถือเป็นการง่ายกว่าขณะที่ตัวเลขผลโพลของเราสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจกำลังจะดี วัคซีน และยารักษากำลังจะเกิดขึ้น และชาวอเมริกันต้องการถนนและชุมชนที่ปลอดภัย” รายงานจากแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์
ทั้งนี้ ผลสำรวจความนิยมล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอส (Ipsos) พบว่า ทรัมป์ตามหลัง โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอยู่ 10 จุด ด้าน CNN สื่อสหรัฐฯรายงานล่่าสุดวันพฤหัสบดี (16) อ้างอิงผลโพลมหาวิทยาลัยควินนิเพียค (Quinnipiac University) ระบุว่า ไบเดน นำอยู่ 15 จุด และชี้ไปยังข่าวร้ายด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นจุดขายของทรัมป์
ขณะเดียวกัน โจ ไบเดน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร (14) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นคู่ชิงร่วมในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจ รายงานในวันพุธ (15) ว่า ไบเดนตอบว่าในเวลานี้เขากำลังทำงานอย่างหนักในการคัดเลือกโดยเขากล่าวให้สัมภาษณ์ทางไกลจากบ้านพักที่รัฐเดลลาแวร์ไปยังสถานีโทรทัศน์ KPNX ของเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนาว่า “พวกเรากำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
และเสริมต่อว่า “การตรวจสอบประวัติภูมิหลังที่ได้เสร็จสิ้นลงกำลังจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในสัปดาห์หน้าไปจนถึง 10 วันเป็นอย่างช้า” และเสริมต่อว่า หลังจากที่กระบวนการเสร็จสิ้นลงทางตัวเขาจะทำการคัดเลือกให้เหลือแต่จำนวนของบุคคลที่ต้องการก่อนที่จะทำการสัมภาษณ์เป็นรายตัว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ที่ผ่านมา ไบเดนให้คำมั่นที่จะเลือกผู้หญิงขึ้นชิงร่วมแต่หลังจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ และการประท้วงด้านการกีดกันทางสีผิวตามมาทำให้มีแรงกดดันให้ไบเดนอาจจำเป็นต้องเลือกผู้สมัครที่เป็นสตรีแอฟริกันอเมริกัน
ทั้งนี้ พบว่า ตัวเก็งที่อาจจะได้รับเลือกรวมไปถึง ส.ว.คามาลา แฮร์ริส อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ซูซาน ไรซ์ ส.ส ประธานกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอฟริกันอเมริกัน (Black Caucus) คาเรน แบส (Karen Bass) ส.ส รัฐฟลอริดา วาล เดมิงส์ (Val Demings) และ สเตซีย์ เอแบรมส์ สมาชิกสภาคองเกรสประจำรัฐจอร์เจียและอดีตผู้ท้าชิงผู้ว่าการรัฐจอร์เจียรอบล่าสุด