เอเจนซีส์/mgrออนไลน์ – อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เมื่อวานนี้(30 ก.ค)ขึ้นกล่าวไว้อาลัยในงานพิธีศพ ส.ส จอห์น ลูอิส นักเคลื่อนไหวสิทธิเพื่อคนผิวดำชื่อดังที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย กดดันถึงสิทธิการเลือกตั้งในชนกลุ่มน้อยของสหรัฐฯ แสดงความชื่นชมความเสียสละที่เกิดขึ้นในยุคปี65 ร่วมกับดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ พร้อมชี้ หากว่าไม่มีเขาสหรัฐฯคงไม่มีผู้นำผิวสีคนแรก
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันศุกร์(31 ก.ค)ว่า ภายในพิธีศพวันพฤหัสบดี(30)ซึ่งถูกจัดที่โบสถ์
อิเบนนิเซอร์ แบบติส(Ebenezer Baptist Chruch)ซึ่งเคยเป็นโบสถ์ที่ ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
เคยทำหน้าที่เป็นบาทหลวงในเมืองแอตแลน รัฐจอร์เจียของจอห์น ลูอิสส.สผู้นำการเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับแอฟริกัน
ซึ่งเขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 17 ก.ค ที่ผ่านมาในขณะที่มีอายุ 80 ปี
พบว่ามีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งจากฝั่งเดโมแครตและรีพับลิกันไปร่วมถึง 3 คน ได้แก่ อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา เว้นแต่ผู้นำคนปัจจุบัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปฎิเสธไม่เข้าร่วมงานนี้แต่ได้แสดงความเสียใจผ่านทางทวิตเตอร์แทน
นอกจากนี้ยังมีแขกผู้มีเกียรติจากสภาคองเกรสเป็นต้นว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี
ที่ขึ้นกล่าวภายในงานซึ่งถูกจัดให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม
ซึ่งภายในงานโอบามาที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ขึ้นกล่าวสดุดีเป็นครั้งสุดท้ายแก่ลูอิสผู้ที่ร่วมประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมทางสีผิวร่วมกับดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในช่วงยุคปี 1965 ออกมายอมรับว่า เป็นผลจากความเสียสละอย่างกล้าหาญของลูอิสทำให้ในวันนี้สหรัฐฯสามารถมีประธานาธิบดีแอฟริกันอเมริกันได้สำเร็จ
“อเมริกาถูกสร้างโดย จอห์น ลูอิส” โอบามากล่าวและเสริมต่อว่า “เขาเหมือนกับใครหลายคนในประวัติศาสตร์ของพวกเราที่นำประเทศนี้เข้าใกล้สู่ความเชื่อสูงสุดของพวกเรา และบางทีในวันหนึ่งเมื่อเราได้สิ้นสุดการเดินทางที่ยาวนานที่มุ่งหน้าเข้าหาเสรีภาพ เมื่อเราสามารถสร้างสหพันธรัฐที่มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น...จอห์น ลูอิส จะเป็นบิดาผู้ก่อตั้งอเมริกาที่ดีกว่าเดิม
เท่าเทียมมากขึ้น และสมบูรณ์มากขึ้น”
CNN ชี้ว่า ในบทบรรณาธิการของวันพฤหัสบดี(30)ซึ่งตรงกับพิธีศพของลูอิส ได้มีการตีพิมพ์แสดงบทความของเขาไว้ที่มีบางตอนกล่าวโดยรำลึกไปถึงคำสอนของดร.คิงว่า “เมื่อคุณเห็นบางสิ่งไม่ถูกต้อง คุณต้องพูดออกมา คุณต้องแสดงออกประชาธิปไตยไม่ใช่รัฐแต่เป็นการกระทำ และคนแต่ละยุคต้องทำในบทบาทของตัวเองเพื่อช่วยสร้างในสิ่งที่เราเรียกว่า “ชุมชนอันเป็นที่รัก” ประเทศและสังคมโลกอย่างผาสุขด้วยตัวมันเอง”
ด้านคลินตันได้แสดงความเห็นถึงลูอิสว่า เขาเป็นคนที่คิดว่าการเปิดมือ(เพื่อจับทักทาย)นั้นดีกว่าการคว่ำมือเพื่อกำหมัด ขณะที่ไม่เป็นที่น่าแปลกใจนักที่ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันไม่มาปรากฎตัวในงานนี้ เพราะนี่ไม่ใช่พิธีศพคนสำคัญครั้งแรกที่ทรัมป์ไม่ยอมเดินทางเข้าร่วมCNN ชี้
ในการขึ้นกล่าวของโอบามา พบว่าเขาได้ใช้โอกาสนี้ผลักดันสิทธิการมีสิทธิ์เลือกตั้งโดยเฉพาะในรัฐจอร์เจีย ซึ่งในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐล่าสุดพบว่า รัฐทางใต้แห่งนี้มีปัญหาที่ประชากรชาวแอฟริกันอเมริกันถูกกีดกันไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ สเตซีย์ เอแบรมส์ (Stacy Abrams) ซึ่งพ่ายไปในการเลือกตั้งลงชิงผู้ว่าการรัฐและมีข่าวเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่อาจจะได้รับการเชิญให้ร่วมขึ้นชิงคู่กับโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปลายปีนี้รณรงค์ให้คนผิวดำมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง
ซึ่งต่อหน้าผู้มีเกียรติภายในงานและลูอิสที่นอนทอดร่างในหีบศพที่มีธงชาติสหรัฐฯคลุม โอบามาได้กล่าวไปถึงสิ่งที่เขาเชื่อว่าจะทำให้การเลือกตั้งมีความยุติธรรมมากขึ้น และทำให้มั่นใจว่าชาวอเมริกันทุกคนมีส่วนร่วม โดยการนำกฎหมายสิทธิการเลือกตั้ง(the Voting Rights Act)กลับมาใช้ เพิ่มคูหาเลือกตั้ง ประกาศให้วันเลือกตั้งเป็นวันหยุดของคนทั้งชาติ และอนุญาตให้กรุงวอชิงตัน ดีซี และเปอร์โตริโกสามารถมีผู้แทนได้อย่างเต็มที่ในรัฐสภาคองเกรส
นอกจากนี้โอบามายังเรียกร้องให้มีการยุติการใช้ยุทธวิธีการอภิปรายแบบไม่หยุดพัก(filibuster) ที่สภาสูงสหรัฐฯอนุญาตให้ฝ่านเสียงข้างน้อยสามารถกระทำได้เพื่อปิดกั้นญัตติที่ไม่ต้องการ โดยอดีตผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐฯเรียกว่า “สิ่งที่ยังตกค้างจากยุคกฎหมายจิม โครว์ (Jim Crow)