รอยเตอร์ - ตำรวจสหรัฐฯ จับกุมเด็กหนุ่มวัย 17 ปี จากรัฐฟลอริดา ซึ่งอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการแฮกทวิตเตอร์ครั้งใหญ่ที่มีบุคคลดังตกเป็นเหยื่อมากมาย ตั้งแต่ โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีเต็งหนึ่งของพรรคเดโมแครต เรื่อยไปจนถึง อีลอน มัสก์ ผู้บริหารเทสลา
เกรแฮม คลาร์ก (Graham Clark) เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ชาวเมืองแทมปา ถูกอัยการรัฐฟลอริดาตั้งข้อหาฉ้อโกงรวมทั้งสิ้น 30 กระทง เช่นเดียวกับผู้กระทำผิดวัยผู้ใหญ่ โดยเขาโกยเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐจากการแฮกบัญชีทวิตเตอร์บุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายราย และหลอกให้ผู้ติดตามโอนเงินให้
“เขาเป็นเด็กอายุ 17 ที่เพิ่งเรียนจบไฮสกูล” แอนดรูว์ วอร์เรน อัยการรัฐฟลอริดาระบุ “แต่เราต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ใช่เด็กอายุ 17 ปีธรรมดาๆ”
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า คดีนี้ยังมีผู้ร่วมสมคบคิดอีก 2 คน เป็นวัยรุ่นชาวอังกฤษอายุ 19 ปี และชายวัย 22 ปีในเมืองออร์แลนโด
เมสัน เชปพาร์ด วัย 19 ปี จากเมืองบ็อกเนอร์เรจิส ในเทศมณฑลเวสต์ซัสเซกซ์ของอังกฤษ ซึ่งใช้นามแฝงว่า “แชวอน” (Chaewon) ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน ส่วน นีมา ฟาเซลี หนุ่มฟลอริดาวัย 22 ปี ซึ่งใช้ชื่อเล่นว่า “โรเล็กซ์” (Rolex) ถูกตั้งข้อหาให้การสนับสนุนการก่ออาชญากรรม
คลาร์ก และผู้ต้องหาร่วมอีก 2 คนถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้แล้ว ขณะที่ทวิตเตอร์ออกมาแถลงชื่นชมเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายว่าทำงานอย่าง “รวดเร็วฉับไว”
ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้โพสต์ข้อความหลอกลวงลงในบัญชีทวิตเตอร์ที่ผ่านการยืนยัน (verified) รวม 45 บัญชี เช่น บัญชีของ โจ ไบเดน, อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และมหาเศรษฐี บิล เกตส์ โดยหลอกให้ผู้ติดตามนับล้านๆ คนโอนเงินบิตคอยน์เพื่อจะได้รับกลับคืนเป็น 2 เท่า
ทวิตเตอร์ยอมรับว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้อาจเข้าถึงข้อความส่วนตัว Direct Messages ในบัญชีผู้ใช้ของบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อด้วย
ทางการสหรัฐฯ เผยข้อมูลใหม่จากบันทึกคำให้การต่อศาลเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ซึ่งระบุว่า คลาร์ก “ใช้การโจมตีแบบวิศวกรรมสังคม (social engineering) เพื่อทำให้ลูกจ้างทวิตเตอร์คนหนึ่งหลงเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานในฝ่ายไอที จากนั้นก็หลอกขอรหัสผ่านเพื่อเข้าถึง customer service portal”
วอร์เรน ระบุว่า ทางการรัฐฟลอริดาเป็นผู้ดำเนินคดีเอาผิดต่อคลาร์ก ไม่ใช่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นของฟลอริดาเปิดทางให้มีการตั้งข้อหาแก่เยาวชนรายนี้เสมือนเป็นผู้ใหญ่
โรเบิร์ต รอสส์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม StopSIMCrime ซึ่งทำงานต่อต้านแฮกเกอร์ ระบุว่า คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเก่งกาจของพวกแฮกเกอร์มือสมัครเล่นที่สามารถเอาชนะระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกได้
“มีวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาวที่หันมาทำอะไรแบบนี้กันมากมาย” รอสส์ ให้สัมภาษณ์ผ่านอีเมล “มันคือภัยคุกคามความมั่นคงของชาติอย่างแท้จริง”