เอเอฟพี - ผลวิจัยพบคนที่มาจากอิตาลี คือต้นตอสำคัญที่แพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) สู่ประเทศอื่นๆ โดยเคสแรกของแต่ละประเทศทั่วโลกนอกเหนือจากจีน มีถึง 1 ใน 4 ที่เป็นคนที่เคยเดินทางเยือนอิตาลี ขณะเดียวกันยังพบว่าการติดเชื้อส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับ 3 ประเทศเท่านั้น
บรรดานักวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ(ซีดีซี) ใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชนโดยทั่วไป สำหรับแกะรอยการแพร่ระบาดระยะต้นๆของโควิด-19 กับประเทศต่างๆหลายสิบชาติที่ได้รับผลกระทบในช่วง 11 สัปดาห์ ก่อนหน้าที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศให้มันเป็นโรคระบาดใหญ่ในวันที่ 11 มีนาคม
เหล่านักวิจัยพบว่า 27% ของผู้ติดเชื้อเคสแรกทั้งหมด เป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปอิตาลี 22% เคยเดินทางไปจีน และอีก 11% เป็นบุคคลที่เดินทางมาจากอิหร่าน ส่วนที่เหลือพบว่าเชื่อมโยงกับนักเดินทางจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ยุโรป, แอฟริกาและทวีปอเมริกา
"การค้นพบของเราบ่งชี้ว่าการเดินทางจากเพียงไม่กี่ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของ SARS-CoV-2 อาจเป็นการหว่านเมล็ดการแพร่ระบาดเพิ่มเติมไปทั่วโลก ก่อนที่จะมีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญในวันที่ 11 มีนาคม 2020" ฟาติมาห์ ดาวู้ด เจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยระบุ
ผลการศึกษานี้ซึ่งเผยแพร่อยู่ในวารสาร The Lancet Infectious Diseases เมื่อช่วกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าราวๆ 3 ใน 4 ในเคสผู้ติดเชื้อรายแรกๆของประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบ เกี่ยวข้องกับการเดินทางเมื่อไม่นานที่ผ่านมา
การศึกษาครั้งนี้ พวกนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบรายงานบนสื่อสังคมออนไลน์จากกระทรวงสาธารณสุขและเว็บไซต์หน่วยงานอื่นๆของรัฐบาลประเทศต่างๆ ฟีดข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ และข่าวประชาสัมพันธ์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อรายแรกและการแพ่ระบาดในเบื้องต้น
จนถึงตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 17 ล้านคนทั่วโลก นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว และการแพร่ระบาดของมันกระตุ้นให้จีนต้องกักกันประชากรหลายล้านคนในเดือนมกราคม
ไม่กี่วันก่อนองค์การอนามัยโลกประกาศให้มันเป็นโรคระบาดใหญ่ในวันที่ 11 มีนาคม ภูมิภาคทางเหนือของอิตาลีต้องเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์เช่นกัน ก่อนพื้นที่ส่วนอื่นๆของประเทศก็จำเป็นต้องดำเนินการแบบเดียวกันหลังจากนั้นไม่นานนัก