เอเจนซีส์ – แคร์รี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงเตือนเสียงเครียดในวันพุธ (29 ก.ค.) นครแห่งนี้จ่อเผชิญการระบาด “ขนาดใหญ่” ที่จะทำให้ระบบโรงพยาบาลรับมือไม่ไหว ขณะที่รัฐบาลเริ่มบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเข้มงวดที่สุด ทางด้านจีนสถานการณ์ก็น่าเป็นห่วง หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียวกว่า 100 คนเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ส่วนที่เวียดนาม ผู้นำประเทศชี้ทุกเมืองทุกจังหวัดล้วนมีความเสี่ยงเผชิญการระบาด
นับจากวันพุธ (29) เป็นต้นไป ผู้พำนักอยู่ในฮ่องกงทุกคนจะต้องสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร และห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 2 คนในที่สาธารณะ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 20,000 บาท
มาตรการล่าสุดเหล่านี้มีเป้าหมายในการสกัดไวรัสโคโรนาที่กลับมาระบาดอีกครั้ง โดยตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 คน หรือกว่า 40% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมนับจากที่ไวรัสสายพันธุ์นี้ระบาดในฮ่องกงครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมกราคม โดยที่ในช่วง 6 วันหลังสุดที่ผ่านมาอัตราการติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเกิน 100 คน
ลัม แถลงย้ำในวันพุธว่า ฮ่องกงใกล้เผชิญการระบาดภายในชุมชนที่เป็นการระบาดขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับได้ และเสี่ยงต่อชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งของผู้สูงวัย พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด และงดออกจากบ้านเท่าที่ทำได้
ขณะนี้ แผนกกักกันโรคเพื่อการติดตามสังเกตผู้ติดเชื้อของฮ่องกงอยู่ในสภาพที่เต็มแล้ว และทางการประกาศสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 2,000 เตียงใกล้สนามบิน ซึ่งจีนอาสาให้ความช่วยเหลือ
วันเดียวกัน ทางด้านจีนพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 101 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 3 เดือน ในจำนวนนี้ 98 คนอยู่ในซินเจียง เขตปกครองตนเองฐานะเทียบเท่ามณฑ,ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งได้พบการระบาดแบบกลุ่มก้อนเมื่อต้นเดือนนี้ และทำให้ทางการระดมตรวจหาผู้ติดเชื้อครั้งใหญ่ รวมถึงฟื้นมาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ
แม้ควบคุมการแพร่เชื้อภายในประเทศได้เป็นส่วนใหญ่โดยผ่านมาตรการล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทาง และการตรวจหาผู้ติดเชื้อ แต่การระบาดยังมีการปะทุขึ้นอย่างกระจัดกระจายในส่วนต่างๆ ของประเทศเป็นระยะๆ ตอกย้ำปัญหาความยากลำบากของจีนในการเอาชนะไวรัสโคโรนา
นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ระลอกแรกได้ซาลงไปแล้ว สถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดครั้งล่าสุดของจีนคือ 108 คน เมื่อวันที่ 13 เมษายน ทว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
ขณะนี้ ความสนใจของทางการจีนยังกำลังพุ่งไปที่การระบาดแบบกลุ่มก้อนในโรงงานแปรรูปอาหารแห่งหนึ่งในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีพนักงานสัมผัสแพ็คเกจอาหารทะเลนำเข้าที่ปนเปื้อนไวรัส โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อในเมืองนี้ 52 คน ซึ่ง 30 คนเป็นพนักงานของโรงงานดังกล่าว
ในวันพุธ คณะกรรมการสุขภาพเมืองต้าเหลียนสั่งปิดสถานที่สาธารณะ รวมถึงห้องสมุด ฟิตเนส บาร์ พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และสปา
สำหรับเวียดนามที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 นานหลายเดือน กำลังหวาดผวาว่า อาจเผชิญการระบาดรอบใหม่ หลังจากสื่อของรัฐรายงานว่า พบเคสใหม่ในฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ และที่ราบสูงตอนกลาง ซึ่งเชื่อมโยงกับการระบาดในเมืองดานัง ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ
อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามยังไม่ได้ออกมายืนยันเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อใหม่ตามที่สื่อรายงาน
สถานีทีวีเวียดนามรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก ระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้ต่างจากการระบาดรอบสองเมื่อเดือนมีนาคม และทุกเมืองและทุกจังหวัดล้วนมีความเสี่ยง
ความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเวียดนามกำลังสั่นคลอนครั้งใหญ่ หลังจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบการระบาดในเมืองดานัง ที่มีประชาชนนับหมื่นคนจากทั่วประเทศเดินทางไปเที่ยว ทำให้รัฐบาลต้องสั่งอพยพนักท่องเที่ยวและล็อกดาวน์เมืองดานังในขณะนี้
ฟุกยังแนะนำให้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วประเทศยกระดับการเฝ้าระวังไวรัส และเสริมว่า อาจต้องล็อกดาวน์ดานังเข้มงวดขึ้น
ทางด้านสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ยังไม่มีวี่แววดีขึ้น วันอังคาร (28) พบผู้เสียชีวิตเกือบ 1,300 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากเดือนพฤษภาคม โดยแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเทกซัส ซึ่งเป็น 3 รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอเมริกา ต่างรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันทุบสถิติครั้งใหม่ รวมเท่ากับ 584 คน จากจำนวน 1,292 คนทั่วประเทศ
เมื่อนับยอดสะสม อเมริกามีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 150,000 คน และติดเชื้อ 4.38 ล้านคน ทั้งนี้เฉพาะวันอังคารพบเคสใหม่กว่า 64,000 คน
