เอเจนซีส์ - ‘ทรัมป์’ลั่นเอาชนะไวรัสโคโรนาด้วยการ “ปลดปล่อยอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์ของอเมริกา” ระหว่างเยี่ยมชมโรงงานผลิตวัคซีนในนอร์ทแคโรไลนา ขณะที่จีนพบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในต้าเหลียนลามไปยังมณฑลอื่นๆ ทั่วประเทศ และเวียดนามสั่งล็อกดาวน์เมืองดานังหลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 10 คน
ดูเหมือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังฝากความหวังว่า ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วจะช่วยทั้งควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในอเมริกา และพาตนเองชนะการเลือกตั้งอีกสมัยในต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง
เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.) ระหว่างเยี่ยมชมโรงงานฟูจิฟิล์ม ไดโอซินธ์ ไบโอเทคโนโลยีส์ ในเมืองมอริสวิลล์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ทรัมป์กล่าวว่า อเมริกาจะมีชัยเหนือไวรัสด้วยการ “ปลดปล่อยอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์”
โรงงานดังกล่าวเพิ่งได้สัญญาผลิตวัคซีนจำนวนมากที่กำลังพัฒนาโดยโนวาแวกซ์ และยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง สัญญาผลิตนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการริเริ่มของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า “โอเปอเรชัน วาร์ป สปีด” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้บริษัทยาชั้นนำพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาในปริมาณ 300 ล้านโดสภายในเดือนมกราคมปีหน้า
ทรัมป์ที่สวมหน้ากากระหว่างเยี่ยมชมโรงงานเสริมว่า แม้เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำกันมาก่อน แต่เชื่อว่าโครงการนี้จะลุล่วงด้วยดี
คำพูดล่าสุดของทรัมป์ตอกย้ำว่า คณะบริหารสหรัฐฯ เชื่อว่า ในสถานการณ์การระบาดของอเมริกามีเพียงวัคซีนเท่านั้นที่ช่วยได้
ในวันจันทร์ 2 บริษัทยาของสหรัฐฯ คือ โมเดอร์นา และไฟเซอร์ ต่างฝ่ายต่างเริ่มต้นขั้นสุดท้ายในโครงการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของตน โดยที่แต่ละบริษัทจะทดลองวัคซีนครอบคลุมกลุ่มตัวอย่าง 30,000 คน ทั้งนี้หากประสบความสำเร็จ ก็อาจได้รับการอนุมัติรับรองจากทางการโดยรวดเร็ว และอาจจะสามารถนำออกใช้อย่างกว้างขวางตั้งแต่ปลายปีนี้
อเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนารุนแรงที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันกว่า 4.2 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 150,000 คน เฉพาะวันจันทร์มีรายงานพบเคสใหม่ราว 57,000 คน 1 ในนั้นคือ โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝายความมั่นคงแห่งชาติ
ทำเนียบขาวแถลงว่า ขณะนี้ โอไบรอันกักตัวในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งและยังคงทำงานตามปกติ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีความเสี่ยงที่ทรัมป์และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ จะติดเชื้อจากโอไบรอัน ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสที่ต้องทำงานติดต่อใกล้ชิดกับประมุขของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ มีเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวและผู้ใกล้ชิดทรัมป์ที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วหลายคน เป็นต้นว่า เคที มิลเลอร์ โฆษกหญิงของเพนซ์ และคิมเบอร์ลี กิลฟอยล์ ผู้ระดมทุนคนสำคัญของทีมแคมเปญหาเสียงทรัมป์ และยังเป็นแฟนของโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของประธานาธิบดี
เวียดนาม-จีนเร่งสกัดไวรัส
ในวันอังคาร (28) เวียดนามสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่ไปยังและออกจากเมืองดานังนาน 15 วัน หลังพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 14 คน นอกจากนั้นยังสั่งระงับบริการรถบัสและรถไฟทั้งหมดที่ไปยังและออกจากเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศแห่งนี้ โดยให้มีผลทันที
การล็อกดาวน์เช่นนี้ เท่ากับเวียดนามยกระดับการรับมือไวรัสขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันเสาร์ (25) พบผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 คนแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน และพบเพิ่มอีก 3 คนในวันถัดมา ทั้งหมดนี้อยู่ในหรือรอบเมืองดานัง
คืนวันจันทร์มีรายงานพบเคสใหม่ 11 คนที่เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งนี้
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ติดเชื้อ 2 คนมีอาการวิกฤต
มาตรการกักตัวอย่างเข้มงวด รวมทั้งการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างกว้างขวางและเข้มข้นส่งผลให้เวียดนามเป็นประเทศที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลก ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 431 คน
ขณะเดียวกัน จีนเผยว่า การระบาดแบบกลุ่มก้อนในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ลุกลามไปยัง 5 เมืองในหลายมณฑลทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้
เจ้าหน้าที่ฝูเจี้ยนระบุว่า ฝูโจวซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑล จะเข้าสู่ “โหมดสงคราม” หลังพบผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ 1 คนที่เดินทางมาจากต้าเหลียน ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 1,500 กิโลเมตร โดยมาตรการใหม่นี้หมายถึงการตรวจผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอื่นๆ ที่เป็นศูนย์กลางการระบาด
ในวันอังคาร จีนรายงานภาพรวมว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 68 คน สูงสดนับจากเดือนเมษายน โดย 57 คนอยู่ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งมีการล็อกดาวน์อุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองฐานะเทียบเท่ามณฑลแห่งนี้ และตรวจประชาชนนับล้านคนเพื่อสกัดการระบาด