จากรายงานข่าวกลุ่มสื่อจีนและสื่อเทศรายงานวันนี้(27 ก.ค.) ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจีน พุ่งสูง 61 ราย ทำสถิติผู้ติดเชื้อฯรายวันจำนวนมากสุดนับจากเดือนเม.ย. ประกอบด้วยกรณีติดเชื้อฯภายในท้องถิ่น 57 ราย และกรณีติดเชื้อฯนำเข้า 4 ราย
การแพร่ระบาดภายในท้องถิ่นที่กลับมาแรงขึ้นนี้มาจากกรณีติดเชื้อฯในสามมณฑลของจีน ได้แก่ เขตปกครองตัวเองอุยกูร์มณฑลซินเจียง มณฑลเหลียวหนิง และมณฑลจี๋หลิน
จากข้อมูลนับถึงเมื่อวันอาทิตย์(26 ก.ค.) ซินเจียงพบผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ จำนวน 41 ราย ซึ่งสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหลังจากเผชิญการแพร่ระบาดกะทันหันที่เมืองอูรุมชีในกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
จุดที่น่าห่วงอีกจุดคือที่มณฑลเหลียวหนิงทางชายฝั่งแห่งตะวันออกเฉียงเหนือจีน โดยรายงานผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ เท่ากับ 14 ราย ทั้งหมดเป็นกรณีฯที่พบในเมืองท่าต้าเหลียนและเป็นผู้ติดเชื้อฯที่ไม่แสดงอาการมาก่อน
สื่อในปักกิ่งเผยอีกว่าในช่วง 5 วันมานี้ ต้าเหลียนซึ่งเป็นเมืองท่าที่ทันสมัยของมณฑลเหลียวหนิง พบผู้ติดเชื้อฯที่ยืนยันผลรวม 38 ราย ในจำนวนนี้ 36 ราย เป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อฯที่ไม่แสดงอาการมาก่อน ส่วนยอดสะสมผู้ติดเชื้อฯในมณฑลเหลียวหนิงช่วง 5 วัน เท่ากับ 79 ราย
สำหรับมณฑลจี๋หลินซึ่งพรมแดนติดเกาหลีเหนือ พบผู้ติดเชื้อฯภายในท้องถิ่นอีก 2 ราย โดยนับเป็นครั้งแรกของการแพร่ระบาดฯตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.
สำหรับผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ 4 รายที่เหลือ เป็นกรณีติดเชื้อฯนำเข้า ได้แก่ กรณีติดเชื้อฯที่เขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน 2 ราย มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) 1 ราย และมณฑลเสฉวน 1 ราย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทดสอบกรดนิวคลีอิกขนานใหญ่เพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 ในประชาชนหลายแสนคนในเมืองต้าเหลียน
ด้านเมืองอุรุมชี เมืองเอกของซินเจียง มีทดสอบกรดนิวคลีอิกขนานใหญ่รอบสองเมื่อวันอาทิตย์(26 ก.ค.) หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อฯเพิ่มจนกลายเป็นจุดร้อนการแพร่ระบาดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐบาลท้องถิ่นในเมืองต้าเหลียนและอุรุมชีใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายชุมชนของเมือง และประกาศสู้ศึกโควิด “แบบภาวะสงคราม”