เอเอฟพี - ชายชาวสิงคโปร์รับสารภาพวานนี้ (24 ก.ค.) ว่าเข้ามาเปิดบริษัทที่ปรึกษาในสหรัฐฯ บังหน้าเพื่อเป็นสายลับรวบรวมข่าวกรองให้กับจีน
โหยว จุน เว่ย หรือ ดิกสัน โหยว (Dickson Yeo) รับสารภาพต่อศาลกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ทำงานเป็นสายสับต่างชาติ โดยได้รับการว่าจ้างจากหน่วยข่าวกรองจีนให้ “ระบุตัวตนและประเมินบุคลากรกองทัพหรือลูกจ้างรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ” ระหว่างปี 2015-2019
โหยว วัย 39 ปี จ่ายเงินจ้างคนเหล่านี้ให้เขียนรายงาน โดยอ้างว่าจะส่งให้กับลูกค้าในเอเชีย แต่แท้ที่จริงข้อมูลดังกล่าวกลับถูกส่งตรงให้กับรัฐบาลจีน
คำรับสารภาพของ โหยว มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส โดยกล่าวหาว่าเป็นศูนย์สอดแนมและปฏิบัติการขโมยความลับด้านเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา
สหรัฐฯ ยังจับกุมนักวิชาการจีนอีก 4 คน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในข้อหาแจ้งข้อมูลวีซ่าอันเป็นเท็จ และปิดบังความสัมพันธ์กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน
โหยว ยอมรับว่า เขารู้ตัวว่ากำลังทำงานให้หน่วยข่าวกรองจีน เคยพบปะสายลับจีนมาแล้วเป็นสิบๆ ครั้ง และได้รับการดูแลเป็นพิเศษเมื่อเดินทางไปจีน
เขาถูกจับหลังจากที่เดินทางกลับมายังสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2019
โหยว เริ่มทำงานกับหน่วยสืบราชการลับจีนตั้งแต่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) และได้รับคำสั่งจากจีนให้เข้ามาเปิดสำนักงานที่ปรึกษาปลอมในสหรัฐฯ เพื่อสืบข่าวกรอง
บริษัทของ โหยว มีผู้ส่งประวัติการทำงานเข้ามามากกว่า 400 ราย โดย 90% เป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ
ผู้สมัครที่ โหยว เลือกให้มาทำงานกับเขามีทั้งพลเรือนที่ทำงานในโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-35B ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ, เจ้าหน้าที่เพนตากอนที่เคยผ่านสงครามอัฟกานิสถาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งคนเหล่านี้จะได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 2,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 63,300 บาท) สำหรับการเขียนรายงานส่งให้ โหยว
จอห์น ดีเมอร์ส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า โหยว “ใช้เครือข่ายอาชีพและบริษัทที่ปรึกษาปลอมล่อลวงชาวอเมริกันที่อาจจะมีความสนใจในรัฐบาลจีน... นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่จีนพยายามแสวงหาประโยชน์จากความเปิดกว้างของสังคมอเมริกัน”