เอเจนซีส์ - เศรษฐกิจเกาหลีใต้ตกต่ำสุดขีด และเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ อันเป็นผลจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ขณะที่เมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลียยังพบเคสใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 400 คน ด้านรัฐบาลฮ่องกงเตือนว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดการระบาดขนาดใหญ่ภายในชุมชนที่ฮ่องกง
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย รายงานในวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 หดตัว 2.9% ซึ่งถือเป็นการติดลบไตรมาส 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้เกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบ 20 ปี และเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับจากวิกฤตการเงินเอเชียเมื่อปี 1998 ที่จีพีดีร่วงลง 3.8%
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงที่สุดนอกเหนือจากจีนในช่วงต้นของการระบาด โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่วันละราว 900 คน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ในเดือนเมษายนที่รัฐบาลยกระดับการติดตามผู้สัมผัสโรค ยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเหลือเพียงอัตราตัวเลขหลักเดียว อย่างไรก็ดี ขณะนี้เกาหลีใต้กำลังต่อสู้กับการระบาดรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการระบาดแบบกลุ่มก้อนที่เชื่อมโยงกับบาร์หลายแห่งในโซล
เศรษฐกิจเกาหลีใต้พึ่งพิงการค้าอย่างมาก และการส่งออกในไตรมาสที่ผ่านมาทรุดลงถึง 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดลงรุนแรงที่สุดนับจากปี 1974 ปัจจัยหลักคือการดิ่งลงของยอดส่งออกรถยนต์ ถ่านหิน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
เดือนมิถุนายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ลดการคาดการณ์การเติบโตของเกาหลีใต้ โดยระบุว่า จะหดตัว 2.1% ในปีนี้ เทียบกับอัตราเติบโตของประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าที่มีแนวโน้มติดลบเฉลี่ย 8%
วันเดียวกัน จอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย แถลงว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณหน้าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 61,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในการปกป้องชีวิตและการดำเนินชีวิตของประชาชนท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด
เมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 400 คนอีกครั้งในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันแรกที่ชาวเมืองนี้ถูกบังคับให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะ
ด้านอเมริกามีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 4 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 143,000 คน ขณะที่การระบาดรุนแรงขึ้นทางใต้และตะวันตกของประเทศ
เมื่อวันพุธ (22 ก.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวโรคระบาดด้วยตัวเองเป็นวันที่ 2 โดยอ้างว่า การประท้วงของกลุ่มแบล็กไลฟ์แมตเทอร์ รวมทั้งวันรำลึกทหารและผู้เสียชีวิตจากสงคราม การที่หนุ่มสาวออกไปรวมตัวสังสรรค์ และการเดินทาง อาจเป็นสาเหตุทำให้การระบาดลุกลามในขณะนี้
ดร.เดโบราห์ เบิร์กซ์ สมาชิกทีมต่อสู้ไวรัสของทำเนียบขาวที่ไม่เข้าร่วมในการแถลงข่าวครั้งใหม่กับทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า การเปิดเมืองเป็นปัจจัยให้โรคระบาดลุกลามเช่นเดียวกัน และสำทับว่าสถานการณ์ขณะนี้แตกต่างอย่างมากจากในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน จึงจำเป็นต้องขยายมาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้อ
อเมริกาตรวจประชาชนไปแล้วราว 51.6 ล้านคน ซึ่ง 4.9 ล้านคนได้ผลเป็นบวก หรือ 9% ของจำนวนผู้เข้ารับการตรวจทั้งหมด แคลิฟอร์เนียพบผู้ติดเชื้อทำสถิติใหม่ 12,807 คน แซงหน้านิวยอร์กในฐานะรัฐที่พบเคสใหม่สูงสุดในวันเดียว ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 15 ล้านคนแล้ว และเสียชีวิต 622,207 คน
ฮ่องกงรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 113 คนในวันพุธ โดย 63 คนในจำนวนนี้ไม่ทราบแหล่งที่มาการติดเชื้อ และรัฐบาลระบุว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงสูงสุดนับจากที่ไวรัสโคโรนาเริ่มระบาดที่จะเกิดการระบาดขนาดใหญ่ภายในชุมชนที่ฮ่องกง
แถลงการณ์ของรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่พบใหม่นับจากวันที่ 15-21 เดือนนี้ ครอบคลุมถึงผู้ติดเชื้อ 393 คนที่ไม่มีประวัติการเดินทางระหว่างระยะฟักตัว และ 56 คนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
แอฟริกาใต้พบผู้เสียชีวิต 572 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดรายวันเมื่อวันพุธ และทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 5,940 คน และสัปดาห์นี้ องค์การอนามัยโลกเตือนว่า สถานการณ์ในแอฟริกาใต้อาจเป็นตัวบ่งชี้การระบาดในทวีปแอฟริกาทั้งหมด ล่าสุดแอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อสะสม 394,948 คน หรือราวครึ่งหนึ่งของทั้งภูมิภาค
ที่เม็กซิโก ประธานาธิบดี มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ลดทอนความสำคัญของการสวมหน้ากากโดยอ้างอิงคำพูดของรัฐมนตรีคลังที่ว่า การสวมหน้ากากเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้ง “ไม่ได้สัดส่วน” ซึ่งขณะนี้ เม็กซิโกมีผู้ติดเชื้อกว่า 362,000 คน และเสียชีวิตกว่า 41,000 คน
ส่วนที่ชิลี วุฒิสภาอนุมัติกฎหมายอนุญาตให้พลเมืองถอนเงินเก็บจากบำนาญ 10% เพื่อผ่อนคลายผลกระทบจากไวรัส