เอเจนซีส์ - ทรัมป์เตรียมจัดแถลงข่าวไวรัสรายวันเหมือนเดิม แถมกลับลำบอกว่า สวมหน้ากากเป็นการแสดงความรักชาติ ขณะที่แคลิฟอร์เนียทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นสูงสุดเกิน 11,000 คน และอนามัยโลกหวั่นสถานการณ์การระบาดในแอฟริกาจะรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม โลกเริ่มมีความหวังในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนามากขึ้น จากผลการทดลองวัคซีนในอังกฤษและจีน ที่พบว่า ช่วยกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในกลุ่มตัวอย่าง
เมื่อวันจันทร์ (20 ก.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่หลีกเลี่ยงการสวมหน้ากากในที่สาธารณะเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 มาโดยตลอด ทวีตว่า “หลายคนบอกว่า การสวมหน้ากากเป็นการแสดงความรักชาติ หากคุณไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้” พร้อมโพสต์ภาพตัวเองสวมหน้ากาก ซึ่งน่าจะเป็นภาพที่ถ่ายตอนที่เขาไปเยี่ยมโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีดนอกวอชิงตันเมื่อ 10 วันก่อน
ทั้งนี้ ชาวอเมริกันได้รับคำแนะนำตั้งแต่เมื่อกว่า 3 เดือนที่แล้ว จากศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค ว่า การปกปิดใบหน้าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเผยว่า จะกลับมาแถลงข่าวโควิด-19 ประจำวันอีกครั้ง หลังจากหยุดกะทันหันไปเมื่อเดือนเมษายนที่เขาถูกคนมากมายหัวเราะเยาะจากการแนะนำให้ประชาชนฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อเข้าสู่ร่างกายเพื่อป้องกันไวรัส
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทอังกฤษที่เป็นผู้ผลิตเดทตอลและไลซอล รีบเร่งออกแถลงการณ์ห้ามประชาชนไม่ให้ทำตามคำแนะนำของผู้นำสหรัฐฯ โดยเด็ดขาด
ระหว่างพูดคุยกับนักข่าวในห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์อ้างว่า มีผู้ติดตามชมการแถลงข่าวสถานการณ์โรคระบาดรายวันทางเคเบิลทีวีสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลเมื่อวันจันทร์ อเมริกามีผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 กว่า 3.8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเคสใหม่ถึง 61,761 คน และเสียชีวิตรวมเกือบ 141,000 คน โดยแคลิฟอร์เนียทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นสูงสุด 11,800 คน
ที่ออสเตรเลีย รัฐวิกตอเรียยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 340 คน และเสียชีวิต 3 คน และหลังเที่ยงคืนวันพุธ (22 ก.ค.) ทางการจะเริ่มบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากในที่สาธารณะสำหรับประชาชนในเมืองเมลเบิร์น และพื้นที่มิตเชลล์ไฟร์ที่อยู่ติดกัน ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นาน 6 สัปดาห์ เพื่อควบคุมไวรัสที่กลับมาระบาดรุนแรงหลังเกิดการติดเชื้อภายในชุมชนที่เชื่อมโยงกับนักเดินทางที่กักตัวในโรงแรม
นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือผู้ตกงานจากวิกฤตโรคระบาด แต่ย้ำว่า มาตรการนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแพกเกจความช่วยเหลือเดิมและไม่ใช่มาตรการถาวร
ขณะเดียวกัน ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการแผนกสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก แสดงความกังวลว่า การระบาดในแอฟริกาใต้อาจเป็นเค้าลางการระบาดในประเทศอื่นๆ ในแอฟริกา โดยขณะนี้แอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อถึง 373,000 คน หรือราวครึ่งหนึ่งของทั้งภูมิภาค
ปัจจุบันด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 15,000 คน และติดเชื้อเกือบ 725,000 คน แอฟริกาเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดน้อยที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากโอเชียเนีย นอกจากนั้น แม้แอฟริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาค แต่มีอัตราการเพิ่มขึ้นเพียง 30% ในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับ 50% ในมาดากัสการ์, 57% ในแซมเบีย และ 69% ในนามิเบีย
บราซิลมีผู้เสียชีวิตทะลุ 80,000 คน และรัฐมนตรีอีก 2 คน ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ส่วนที่ญี่ปุ่น มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 230 คนในโตเกียว ขณะที่ซาอุดีอาระเบียจะเริ่มพิธีฮัจญ์วันที่ 29 นี้ โดยอนุญาตให้ชาวมุสลิมเข้าร่วมพิธีเพียง 1,000 คน จากปกติที่มีผู้แสวงบุญเข้าร่วมถึง 2.5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ว่า วัคซีนที่ทดลองกับกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่กว่า 1,000 คนในอังกฤษ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้และภูมิคุ้มกันมาต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
นอกจากนั้น ยังมีการทดลองวัคซีนในจีนครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 500 คน ซึ่งพบว่า ช่วยกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกายของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เช่นเดียวกัน