เอเจนซีส์ - สื่อเมืองผู้ดีแฉรัฐบาลอังกฤษสารภาพกับหัวเว่ย ว่า ที่ต้องแบนส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยแรงกดดันจากสหรัฐฯ และเป็นไปได้ว่าอาจจะทบทวนการตัดสินใจในอนาคต ถ้าทรัมป์แพ้การเลือกตั้งและกระแสต่อต้านปักกิ่งในวอชิงตันซาลง
ด้านผู้บริหารอาวุโสของหัวเว่ยแสดงความหวังว่า รัฐบาลอังกฤษจะทบทวนการตัดสินใจแบนหัวเว่ย การตัดสินใจนี้เป็นข่าวร้ายสำหรับวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสหราชอาณาจักร และจะทำให้อุตสาหกรรมดิจิตอลของอังกฤษล่าช้ากว่าประเทศอื่น ขณะที่ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้น พร้อมแสดงความมั่นใจว่า มาตรการแซงก์ชันของอเมริกาจะไม่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความมั่นคงปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่หัวเว่ยจัดหาให้อังกฤษ
ขณะที่หนังสือพิมพ์ “ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์” ของอังกฤษรายงานว่า ก่อนหน้าการประกาศข่าวนี้ มีการหารืออย่างเข้มข้นและปิดลับระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษกับผู้บริหารหัวเว่ย ซึ่งบางช่วงบางตอนระหว่างนั้น หัวเว่ยได้รับการบอกเล่าว่า เหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ และยังได้รับการปลอบใจว่า ในอนาคตอาจมีการทบทวนการตัดสินใจ หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายน และกระแสต่อต้านจีนในวอชิงตันเบาลง
ข่าวนี้ตรงข้ามกับคำแถลงของเหล่ารัฐมนตรีแดนผู้ดีที่ระบุว่า หัวเว่ยถูกแบนจากข้อกังวลด้านความมั่นคงที่ศูนย์ความมั่งคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (เอ็นซีเอสซี) เตือนมา
ทั้งนี้ โอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา (ดีซีเอ็มเอส) ของอังกฤษ ชี้แจงว่า มาตรการคว่ำบาตรของวอชิงตันที่ห้ามขายชิ้นส่วนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของบริษัทอเมริกันให้หัวเว่ย ทำให้สมดุลความเสี่ยงด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลง
ดาวเดนเสริมว่า เอ็นซีเอสซีได้ประเมินผลลัพธ์จากมาตรการคว่ำบาตรของอเมริกา และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีว่า อังกฤษไม่สามารถมั่นใจได้อีกต่อไปว่า อุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยในอนาคตจะไม่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของวอชิงตัน
โฆษกดีซีเอ็มเอสแจงว่า อังกฤษจะห้ามการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่ของหัวเว่ยหลังวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ และถอนการติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดจากเครือข่าย 5G ภายในสิ้นปี 2027
การตัดสินใจแบนหัวเว่ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นการกลับลำคำประกาศเมื่อเดือนมกราคม ที่เคยบอกว่า อังกฤษอาจใช้อุปกรณ์หัวเว่ยในเครือข่าย 5G ภายใต้ข้อจำกัดบางประการ ซึ่งทำให้สมาชิกรัฐสภาจากพรรคอนุรักษนิยม อาทิ เอียน ดันแคน สมิธ อดีตหัวหน้าพรรคโจมตีอย่างรุนแรง โดยระบุว่า หัวเว่ยเป็นตัวแทนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเป็นความเสี่ยงสำหรับอังกฤษ
แม้การตัดสินใจแบนเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นที่ถูกใจสมาชิกพรรครัฐบาลอนุรักษนิยมเป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันกลับทำให้เกิดคำถามกับคำแถลงของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เรื่องการจัดหาโครงข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงให้ประชาชนและธุรกิจทั่วประเทศภายในปี 2025 รวมทั้งยังทำให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจแก้แค้น
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่า รัฐบาลอังกฤษสวามิภักดิ์ต่อทรัมป์ ที่กำลังทำสงครามทางการทูตกับจีนเรื่องไวรัสโคโรนา สิทธิมนุษยชน การค้า จุดยืนต่อฮ่องกงและหัวเว่ย มากกว่าทำให้อังกฤษเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโลก
ทรัมป์นั้นแถลงข่าวจากทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารโดยอ้างอิงว่า ตนเป็นคนทำให้อังกฤษแบนหัวเว่ยและจะเดินหน้าบีบให้ประเทศอื่นๆ ตัดขาดบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนแห่งนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ยืนยันว่า การตัดสินใจดังกล่าวอิงกับการประเมินทางเทคนิคของเอ็นซีเอสซี และสำทับว่า ทุกคนต่างก็รู้ว่าทรัมป์เป็นคนอย่างไร
ลอร์ด โอนีลล์ นักเศรษฐศาสตร์ที่เคยทำงานให้กระทรวงการคลังอังกฤษในปี 2015 ตั้งคำถามว่า เหตุใดอังกฤษจึงตัดขาดจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โลกมากที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่จอห์นสันประกาศว่าจะพยายามลดความเสียหายต่ออังกฤษให้เหลือน้อยที่สุด
ในทางกลับกัน สมาชิกพรรคอนุรักษนิยมไม่พอใจกับกระแสที่ว่า รัฐบาลอาจทบทวนการตัดสินใจล่าสุด และเรียกร้องให้ตัดหัวเว่ยออกจากเครือข่าย 2G , 3G และ 4G ด้วย