เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ คุยโวว่าตนเป็นคนยุยงให้นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ สั่งถอด ‘หัวเว่ย เทคโนโลยีส์’ ออกจากโครงข่าย 5G ของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบหลังปี 2027 เป็นต้นไป ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสของอังกฤษคนหนึ่งปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
จอห์นสัน ประกาศวานนี้ (14 ก.ค.) ว่า อังกฤษจะถอดอุปกรณ์หัวเว่ยทุกชนิดออกจากโครงข่าย 5G ของประเทศภายหลังสิ้นปี 2027 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณกลายๆ ว่าโลกตะวันตกไม่ยินดีต้อนรับผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่ที่สุดในโลกจากจีน
“เราได้ชี้แจงและโน้มน้าวรัฐบาลหลายประเทศไม่ให้ใช้บริการหัวเว่ย และผมนี่แหละมีบทบาทสำคัญที่สุด เพราะเราเชื่อว่ามันไม่ปลอดภัย และเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรง” ทรัมป์ กล่าว
แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของทรัมป์ และยืนยันว่า รัฐบาลลอนดอนได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ แต่มีคนบางคนที่พยายามอ้างเครดิต
“เราก็รู้จัก โดนัลด์ ทรัมป์ กันดีไม่ใช่หรือ?” แฮนค็อก ให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์
“ใครที่ไหนจะอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ก็ย่อมได้ แต่อันที่จริงแล้วคำสั่งนี้มีพื้นฐานจากการวิเคราะห์ของศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติว่าเราจะมีโครงข่าย 5G ที่มีคุณภาพสูงสุดได้อย่างไรในอนาคต”
การกลับลำทางนโยบายครั้งนี้ถือเป็นการมอบชัยชนะครั้งสำคัญให้แก่รัฐบาล ทรัมป์ ในสงครามภูมิรัฐศาสตร์และการค้าที่พวกเขาเปิดศึกกับจีน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจกัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างลอนดอนกับปักกิ่ง และอาจสร้างความเสียหายราคาแพงแก่ผู้ให้บริการมือถือของสหราชอาณาจักรหลายเจ้าที่พึ่งพิงอุปกรณ์ของหัวเว่ยมานานเกือบ 20 ปี