เอเจนซีส์ - อเมริกาทุบสถิติผู้ติดเชื้อรายวันอีกครั้งด้วยตัวเลขกว่า 67,000 คน ขณะที่งานวิจัยล่าสุดคาดจำนวนผู้เสียชีวิตอาจทะลุ 150,000 คน ในเดือนหน้า ทางด้านสภากาชาด ชี้ เอเชียใต้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่อย่างรวดเร็ว เฉพาะอินเดียนั้นคาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจะแตะหลัก 1 ล้านคนในวันศุกร์หรือเสาร์นี้ (17-18 ก.ค.)
ทั่วโลกขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 13.4 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 581,000 คน นับตั้งแต่ที่ไวรัสนี้อุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว กดดันให้หลายประเทศระงับการปลดล็อกและบังคับใช้มาตรการจำกัดการติดต่อพบปะกันทางสังคมอย่างเข้มงวดอีกครั้งเพื่อสกัดการระบาด
เวเนซุเอลาเป็นประเทศล่าสุดที่ต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในบางพื้นที่ เช่น การกักตัวอย่างเข้มงวดในกรุงการากัส หลังผ่อนคลายได้แค่ 4 วัน เช่นเดียวกับโบลิเวียที่จะใช้มาตรการกักตัว 4 วันในเขตลา ปาซ ดีพาร์ตเมนต์
ข้อมูลจนถึงวันพุธที่ผ่านมา (15) ระบุว่า ละตินอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนากว่า 150,000 คน นับเป็นภูมิภาคที่เผชิญการระบาดรุนแรงที่สุดอันดับ 2 รองจากยุโรปที่มีผู้เสียชีวิต 203,793 คน
บราซิลมีผู้เสียชีวิตเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดในละตินอเมริกาคือ 75,366 คน เฉพาะวันพุธวันเดียวมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 1,200 คน
ส่วนที่สหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 67,632 คนในวันพุธ ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันครั้งใหม่ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งหมดมีมากกว่า 137,000 คน และหลายรัฐตัดสินใจชะลอการผ่อนคลายกฎที่จำเป็นสำหรับการฟื้นเศรษฐกิจ
งานวิจัยคาดการณ์ล่าสุดยังระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในอเมริกาน่าจะทะลุ 151,000 คน ภายในวันที่ 1 สิงหาคม และ 157,000 คนภายในวันที่ 8 สิงหาคม ทั้งนี้ตามผลเฉลี่ยของโมเดลการศึกษาของกลุ่มวิจัยต่างๆ 23 กลุ่มทั้งในสหรัฐฯและที่อื่นๆ
ตัวเลขนี้เผยแพร่โดยห้องปฏิบัติการ ไรช์ แล็บ แห่งมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ แอมเฮิร์สต์ เมื่อวันอังคาร (14) ในนามของศูนย์กลางเพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคติดต่อ (CDC) ของสหรัฐฯ
เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ผลเฉลี่ยนี้ยังทำนายว่าจะมีผู้เสียชีวิต 147,000 คนภายในวันที่ 1 สิงหาคม
ในช่วงค่ำวันเดียวกัน สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (IHME) เผยแพร่ประมาณการตามโมเดลของตนว่า จะมีชาวอเมริกาเสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งแตะ 224,089 คน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน จากเดิม 208,254 คน ตามที่เคยประมาณการไว้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม IHME ประมาณการด้วยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจลดลง 40,000 คน หากว่าพลเมืองอเมริกาเกือบทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันสวมหน้ากากในที่สาธารณะ
“มีการสวมหน้ากากกันมากขึ้น แต่ไม่สูงเท่าที่ควร ถ้า 95% ของอเมริกันชนสวมหน้ากากทุกครั้งตอนที่ออกนอกบ้าน อัตราการติดเชื้อจะลดลง จำนวนผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลจะลดลง และคาดหมายว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงตามไปด้วย” สถาบันนี้ ระบุในถ้อยแถลง
แม้จำนวนเคสใหม่ในอเมริกาเริ่มชะลอลงในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับดีดขึ้นอีกครั้งเมื่อกลางเดือนที่แล้วหลังจากรัฐต่างๆ พากันยกเลิกมาตรการจำกัด ส่วนการสวมหน้ากากถูกทำให้กลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมือง จนผู้คนจำนวนมากไม่ยอมใช้
ที่รัฐโอกลาโฮมา เควิน สติตต์ ผู้ว่าการรัฐซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน และมักปฏิเสธการสวมหน้ากากเช่นเดียวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรคเดียวกัน ยอมรับในวันพุธว่า ผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของเขาออกมาเป็นบวก
สำหรับทรัมป์เองนั้นนอกจากต่อต้านแล้ว หลายครั้งยังเยาะเย้ยผู้สวมหน้ากากด้วย แต่ตัวเขาก็ต้องยอมสวมหน้ากากในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับรัฐโอกลาโฮมาที่ทรัมป์เลือกเป็นที่จัดการปราศรัยหาเสียงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เมื่อเดือนที่แล้วนั้น พบผู้ติดเชื้อ 1,075 คน และเสียชีวิต 47 คนในวันพุธ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในวันเดียวทั้งสองส่วนของรัฐนี้ ขณะที่รัฐเพื่อนบ้านทางใต้อย่างเทกซัสทำสถิติใหม่ทั้งด้านจำนวนเคสใหม่และผู้เสียชีวิตเช่นกันคือ 10,791 คน และ110 คนตามลำดับ
ทั่วอเมริกาเผชิญการระบาดรุนแรง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัฐทางใต้อย่างฟลอริดาที่มีผู้ติดเชื้อสะสมทำสถิติถึงเกือบ 302,000 คน
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในแคลิฟอร์เนีย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกระทั่งทางการต้องสั่งล็อกดาวน์อีกรอบ โดยในวันพุธพบเคสใหม่ 11,125 คน และเสียชีวิต 140 คน ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดทั้งคู่
สถานการณ์การระบาดในอเมริกาที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้วอลมาร์ท ห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของโลก กำหนดให้ลูกค้าที่ใช้บริการในกว่า 5,300 สาขา ต้องสวมหน้ากากเพื่อช่วยหยุดยั้งการระบาดของไวรัส โดยจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์หน้า (20) เช่นเดียวกับธุรกิจอีกมากมายของอเมริกาที่บังคับให้ลูกค้าสวมหน้ากาก
ขณะเดียวกัน รัฐพิหารของอินเดียที่อยู่ติดกับเนปาล ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ระยะเวลา 15 วัน ครอบคลุมประชาชนกว่า 125 ล้านคนตั้งแต่วันพฤหัสฯ (16) ซึ่งพบผู้เสียชีวิตกว่า 600 คนทั่วประเทศ
เมืองบังกาลูรู (บังกาลอร์) ซึ่งเป็นฮับไอที และรัฐกัว แหล่งท่องเที่ยวริมทะเล ออกมาตรการล็อกดาวน์อีกรอบมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่สภากาชาดเตือนว่า เอเชียใต้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียจะแตะหลัก 1 ล้านคนในวันศุกร์หรือเสาร์นี้ ส่วนผู้เสียชีวิตกำลังไต่ขึ้นสู่หลัก 25,000 คน