เอเจนซีส์ – คนนับล้านทั่วโลกต้องกลับไปอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาอีกครั้ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายยังมีข่าวดีให้ได้หวัง เมื่อ โมเดอร์นา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของอเมริกาเผยว่า จะเริ่มทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 กับมนุษย์ในขั้นสุดท้ายช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่คณะบริหารทรัมป์ยอมยกเลิกคำสั่งเพิกถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติที่สามารถเรียนออนไลน์ได้
หลายประเทศทั่วโลกกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบเพื่อสกัดการระบาดครั้งใหม่ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเพิ่มเป็นกว่า 13.2 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 576,000 คน
บางพื้นที่ในเอเชีย-แปซิฟิกที่เคยประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคระบาดในระดับหนึ่ง วันนี้กลับพบหลักฐานว่า ไวรัสร้ายไม่ได้หายไปไหนและยังคงเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว
ในวันพุธ (15 ก.ค.) ฮ่องกงสั่งปิดบาร์ สถานที่ออกกำลังกาย และร้านตัดผมอีกครั้ง รวมทั้งห้ามประชาชนจับกลุ่มกันเกิน 4 คน และบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากขณะใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 650 ดอลลาร์ ทั้งนี้ เพื่อจัดการการระบาดรอบใหม่หลังจากเอาชนะไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาได้นานหลายเดือน
ส่วนที่ญี่ปุ่น ผู้ว่าราชการโตเกียวปรับการเตือนภัยไวรัสสู่ระดับสูงสุด หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ทางด้านอินเดีย รัฐพิหารที่มีประชากรราว 125 ล้านคน ประกาศล็อกดาวน์นาน 15 วัน เริ่มจากวันพฤหัสฯ (16) ขณะที่เมืองเบงกาลูรู (บังกาลอร์) ในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งเป็นฮับไอทีของแดนภารตะ เริ่มล็อกดาวน์แล้วโดยมีระยะเวลา 1 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียขอให้ประชาชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำในการเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่ประชาชน 5 ล้านคนในเมืองเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแดนจิงโจ้ถูกล็อกดาวน์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพื่อจัดการการระบาดรอบใหม่
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาถูกละเลยหรือกระทั่งเย้ยหยันในหลายประเทศ รวมถึงอเมริกาที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในโลก
เฉพาะวันอังคาร (14) วันเดียวมีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อในอเมริกากว่า 63,000 คน
นายแพทย์แอนโธนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำ เตือนอีกครั้งให้คนอเมริกัน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่คิดว่า ตัวเองมีความเสี่ยงน้อย อย่าประมาท
อย่างไรก็ตาม โลกเริ่มมีความหวังเมื่อโมเดอร์นา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของอเมริกาเผยว่า จะเริ่มการทดสอบวัคซีนกับมนุษย์เป็นเฟส 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยจะใช้อาสาสมัคร 30,000 คนในอเมริกา และเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม ศึกษาจะทำไปต่อเนื่องจนถึงเดือนตุลาคม 2022 แต่ผลเบื้องต้นน่าจะออกมาได้ก่อนหน้านั้นนานทีเดียว
โมเดอร์นาเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่นานหลังจากการทดสอบเฟสแรกของบริษัทได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ โดยระบุพบว่า ร่างกายของอาสาสมัครทั้ง 45 คนที่เข้าทดสอบในเฟสนี้ สามารถสร้างแอนติบอดี้มาต่อสู้กับไวรัสโคโรนา อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์หลายคนบอกว่าแม้ความคืบหน้าเช่นนี้น่าทำให้เกิดกำลังใจ แต่วัคซีนจะได้ผลจริงหรือไม่ ยังคงต้องรอดูเมื่อบุคคลที่ได้รับวัคซีนเผชิญกับไวรัสกันจริงๆ
แต่ขณะที่ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาที่มีประสิทธิภาพพร้อมใช้อย่างกว้างขวาง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์และการเว้นระยะห่างทางสังคมบางรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสกลับมาระบาดครั้งใหม่
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร ผู้พิพากษาอัลลิสัน เบอร์โรส์ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตกลงยกเลิกการตัดสินใจเพิกถอนวีซ่าและบังคับให้นักศึกษาต่างชาติที่สามารถเรียนทางออนไลน์ได้ครบทั้งหลักสูตร ต้องเดินทางออกจากอเมริกาหรือย้ายไปเรียนในสถาบันที่สอนแบบปกติ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (เอ็มไอที) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง ได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ไอซ์) ที่ประกาศเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งถูกมองว่า เป็นความพยายามของคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการกดดันให้สถาบันการศึกษาทั้งหลายเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งแม้ไวรัสยังคงระบาดหนักในอเมริกาก็ตาม
จากข้อมูลของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ (ไอไออี) มีนักศึกษาต่างชาติในอเมริกาถึงกว่า 1 ล้านคนในปีการศึกษา 2018-2019