รอยเตอร์ - โรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งกำลังอาละวาดทั่วโลก จะเลวร้ายลงไปกว่านี้อีก หากว่าประเทศต่างๆ ไม่ยึดมั่นต่อมาตรการป้องกันไว้ก่อนด้านสาธารณสุขอันเข้มงวด จากคำเตือนขององค์การอนามัยโลกในวันจันทร์ (13 ก.ค.)
“ผมขอพูดตรงๆ นะ มีหลายประเทศมากเกินไปที่มุ่งหน้าไปในทิศทางผิดๆ ไวรัสยังคงเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของประชาชน” เทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวระหว่างแถลงสรุปทางไกลประจำวันจากสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานสหประชาชาติแห่งนี้ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
“หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้ หนทางเดียวที่โรคระบาดใหญ่จะมุ่งหน้าสู่ ก็คือ มันจะเลวร้ายลง เลวร้ายลง และเลวร้ายลง” เขากล่าว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก พุ่งแตะระดับ 13 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิตกว่า 568,500 คน
เทดรอส บอกว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 230,000 คน ในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) 80% มาจาก 10 ประเทศ และ 50% มาจาก 2 ชาติ ซึ่งก็คือ สหรัฐฯและบราซิล สองประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่หนักหน่วงที่สุด
“จะไม่มีทางหวนคืนสู่ชีวิตปกติแบบเดิมในอนาคตอันใกล้นี้ ยังมีความกังวลมากมาย” เทดรอสกล่าว ในความเห็นที่หนักแน่นที่สุดครั้งหนึ่งของเขาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เทดรอส เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวด้วยว่า ทางองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้เอกสารแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการถอนตัวของสหรัฐฯที่เคยประกาศโดยทรัมป์ หลังจากประธานาธิบดีอเมริกากล่าวหาองค์การอนามัยโลกโอนเองเข้าข้างจีน ในช่วงต้นของวิกฤตโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ซึ่งสวมหน้ากากป้องกันในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ว่า ไม่จริงจังกับการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากพอ คำกล่าวหาที่เขาปฏิเสธ
คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกได้เดินทางไปจีน เพื่อสืบสวนหาแหล่งที่มาของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งถูกพบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ในเรื่องนี้ ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งองค์การอนามัยโลก เปิดความคืบหน้าว่า เวลานี้คณะผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่างถูกกักกันโรค ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการมาตรฐาน ก่อนพวกเขาจะเริ่มต้นทำงานร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญของจีนต่อไป
