เอเอฟพี - “ทรัมป์” ยอมสวมหน้ากากในที่สาธารณะครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ (11 ก.ค.) ซึ่งมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งทำสถิติรายวันครั้งใหม่ ด้านสวนสนุกวอลท์ดิสนีย์ในรัฐฟลอริดาที่ยังพบการระบาดรุนแรง เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ฮ่องกงสั่งให้ปิดโรงเรียนรอบใหม่ตั้งแต่วันจันทร์ (13 ก.ค.) หลังพบการติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญของทำเนียบขาวที่เป็นแกนนำการต่อสู้วิกฤตโรคระบาดในอเมริกา แนะนำมานานแล้วให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเพิกเฉย แม้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายคนตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ช่วยหลายคนเริ่มสวมหน้ากากก็ตาม
ถึงกระนั้น ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกระดับการควบคุมการระบาด ทรัม์ยอมสวมหน้ากากที่มีตราประธานาธิบดีระหว่างไปเยี่ยมทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลทหารวอเตอร์รีด นอกวอชิงตัน
ทั้งนี้ หลังเดินทางออกจากทำเนียบขาว ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้ต่อต้านการสวมหน้ากาก เพียงแต่เชื่อว่า ควรสวมในบางสถานที่และบางเวลาเท่านั้น
ทรัมป์มีคะแนนนิยมตามหลังโจ ไบเดน ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยโพลระบุว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่พอใจมาตรการรับมือวิกฤตโรคระบาดของทรัมป์
แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงโอ้อวดผลงานการจัดการไวรัสโคโรนาของตนเอง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศยังพุ่งขึ้นไม่หยุด รายงานที่ออกมาเมื่อคืนวันเสาร์ระบุจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง ที่ 66,528 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ และเสียชีวิตเกือบ 800 คน เป็นเกือบ 135,000 คน
ที่รัฐฟลอริดาที่พบเคสใหม่ 1 ใน 6 ของทั่วประเทศ สวนสนุกวอลต์ ดิสนีย์ เปิดให้บริการอีกครั้งหลังปิดมานาน 4 เดือนจากโรคระบาด
นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนรอคิวเพื่อเข้าสู่ธีมปาร์กในเมืองออร์แลนโดแห่งนี้ โดยทุกคนสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคม และปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยอื่นๆ ที่วอลท์ดิสนีย์ กำหนด
ก่อนหน้านี้ แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านโรคติดเชื้อของอเมริกา ระบุว่า ฟลอริดาเริ่มปลดล็อกก่อนที่จะบรรลุเกณฑ์สำหรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างปลอดภัย
ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเกือบ 13 ล้านคน และเสียชีวิต 560,000 คน วิกฤตโรคระบาดยังสร้างความเสียหายใหญ่หลวงทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่โรคนี้อุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว
อเมริกาเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด ตามด้วยบราซิลที่มีผู้เสียชีวิตจนถึงวันศุกร์ (10 ก.ค.) ทะลุ 70,000 คน
วันเดียวกันนั้น เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการฮู เรียกร้องระหว่างการแถลงข่าวที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ให้ประเทศต่างๆ ใช้แนวทางแข็งกร้าวเพื่อจัดการกับโรคระบาด โดยอ้างอิงความสำเร็จของอิตาลี เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ และเสริมว่า มาตรการแข็งกร้าวประกอบกับความร่วมมือร่วมใจในระดับประเทศและทั่วโลกจะสามารถพลิกสถานการณ์โรคระบาดได้
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยอมรับว่า การตัดสินใจอนุญาตให้บาร์และธุรกิจอื่นๆ เปิดดำเนินการอีกครั้งอาจ “เร็วเกินไป” หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 1,500 คน ในวันศุกร์วันเดียว ส่วนที่ฝรั่งเศส ทางการเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตแตะหลัก 30,000 คน
ทางด้านออสเตรเลียเผยว่า จะลดจำนวนพลเมืองที่เดินทางกลับจากต่างประเทศในแต่ละวันลงครึ่งหนึ่ง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งขึ้นในเมืองเมลเบิร์นที่ต้องล็อกดาวน์อีกครั้งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ที่ฮ่องกง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันหลังจากประชาชนกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยร้านอาหารและบาร์ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้รับอนุญาตให้เปิดตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ทางการฮ่องกงมีคำสั่งให้ปิดโรงเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์ (13 ก.ค.) หลังพบการติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว