บีบีซี - ออสเตรเลียจะใช้จ่ายด้านการทหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหันมามุ่งเน้นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ประกาศจัดสรรงบประมาณด้านการทหารของออสเตรเลีย 270,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 186,000 ล้านดอลลาร์หรือ 5.7 ล้านล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิม 40%
เขาเผยด้วยว่า ออสเตรเลียจะซื้อขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่มีศักยภาพป้องปรามความขัดแย้งต่างๆ ในอนาคต “มันเป็นสิ่งจำเป็นเพราะว่าภูมิภาคนี้จะเป็นจุดศูนย์รวมการแย่งชิงความมีอิทธิพลเหนือโลกในยุคสมัยปัจจุบัน” มอร์ริสันกล่าว
มอร์ริสันได้ระบุถึงพื้นที่แห่งความตึงเครียดต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงความตึงเครียดด้านชายแดนระหว่างอินเดียกับจีน และความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ รวมถึงทะเลจีนตะวันออก
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นตามหลังความสัมพันธ์อันเสื่อมโทรมระหว่างออสเตรเลียกับจีน ซึ่งถูกมองอย่างกว้างขวางว่ากำลังอยู่ในจุดที่เลวร้ายสุดในรอบหลายทศวรรษ
มอร์ริสันระบุว่า การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การยกระดับอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้มีความทันสมัย ในนั้นรวมถึงจะจัดซื้อขีปนาวุธต่อต้านเรือพิสัยไกลจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งมีพิสัยทำการ 370 กิโลเมตร สูงสุด 200 ลูก นอกจากนี้ยังจะลงทุนในด้านการพัฒนาระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิก ขีปนาวุธซึ่งสามารถเดินทางได้ไกลหลายพันกิโลเมตร
บางส่วนของงบประมาณ สูงสุด 15,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จะถูกนำไปใช้ในด้านเครื่องมือสำหรับสงครามไซเบอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันเน้นว่า “เขาเคยพูดย้ำหลายครั้งว่าภัยคุกคามเหล่านี้นั้นมาจากไหน”
เมื่อเดือนที่แล้ว มอร์ริสันเคยเตือนหน่วยงานต่างๆ และภาคธรกิจทั้งหลายของออสเตรเลียว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายโจมตีทางไซเบอร์ จากตัวแสดงที่เป็นรัฐ ความเห็นที่ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าเขาพุ่งเป้าไปที่จีน
เขาบอกว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติแตกร้าวอย่างหนัก
โรคระบาดใหญ่ทำให้ความตึงเครียดเหล่านี้เลวร้ายลง และทำให้กฎระเบียบความมั่นคงของโลกอยู่ในจุดที่ไร้เสถียรภาพมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ มอร์ริสันกล่าว พร้อมระบุว่าภูมิภาคนี้กำลังพบเห็นการยกเครื่องใหม่ด้านการทหารในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
มอร์ริสันระบุว่า ออสเตรเลียจะดำเนินการอย่างขะมักเขม้น สำหรับปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยของพวกเขาและของที่อื่นๆ ในภูมิภาค และบอกว่าการเพิ่มศักยภาพด้านการทหารจะช่วย “ป้องกันสงคราม”