รัสเซียทูเดย์ - สื่อมวลชนของเกาหลีเหนือประณามคำแถลงของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น ที่บอกว่าจะทบทวนนโยบายความมั่นคงของประเทศและยกระดับการป้องกันตนเอง ระบุเป็น "พฤติกรรมที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง" ทั้งที่ในข้อเท็จจริงคือ ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นมีเป้าหมายป้องปรามภัยคุกคามจากเปียงยางนั่นเอง
อาเบะเปิดเผยในวันศุกร์(19มิ.ย.) ว่าญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจัดซื้อระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งมีศักยภาพชิงโจมตีก่อน เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธโดยศัตรู แต่ในขณะเดียวกันก็จะปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญที่มุ่งเน้นป้องกันตนเอง และห้ามพฤติการณ์แห่งสงคราม
ในคำชี้แจงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว อาเบะบอกว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องทบทวนประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับ "มาตรการป้อมปรามอย่างพอเหมาะพอควร" หลังเกาหลีเหนือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขีปนาวุธ
เคซีเอ็นเอ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือ ประณามความเคลื่อนไหวของอาเบะ โดบอกว่ามันอาจเปลี่ยนญี่ปุ่นกลายเป็นรัฐที่มีศักยภาพในการทำสงคราม และอาจให้อำนาจญี่ปุ่นรุกรานต่างแดน พร้อมเตือนว่าญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนตัวเองเป็นศัตรูร่วมของมนุษยชาติ หากว่าพวกเขาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สื่อมวลชนเปียงยางเตือนความทรงจำว่ารัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดให้ญี่ปุ่นปฏิเสธการทำสงครามและการมีกำลังทหาร โดยปฏิบัติการได้เฉพาะในการป้องกันตนเองเท่านั้น คือ "พันธสัญญาทางกฎหมาย" ที่ญี่ปุ่นให้ไว้กับประชาคมนานาชาติ
นอกจากนี้แล้วทางเคซีเอ็นเอยังอ้างหนังสือร้องเรียนฉบับหนึ่งซึ่งลงนามโดยพลเมืองหลายแสนคนที่คัดค้านความเคลื่อนไหวดังกล่าวของญี่ปุ่น โดยเรียกมันว่าเป็นการระเบิดอารมณ์โกรธแค้นของประชาชน อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าในเวลานี้หนังสือร้องเรียนดังกล่าวไม่ปรากฎอยู่บนโลกออนไลน์แล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ทาโร โคโน รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น บอกว่ารัฐบาลจะระงับแผนติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธยิงจากภาคพื้น อีจิส อะชอร์( Aegis Ashore) ซึ่งพัฒนาโดนสหรัฐฯ สืบเนื่องจากปัญหาทางเทคนิคและค่าใช้จ่าย
การระงับดังกล่าวจุดประเด็นโต้เถียงทางการเมืองในญี่ปุน โดยฝ่ายค้านบอกว่ากระทรวงกลาโหมต้องรับผิดชอบเงินจำนวน 12,000 ล้านเยน(ราว 3,500 ล้านบาท) ที่ญี่ปุนได้ใช้จ่ายในโครงการนี้ไปแล้ว