เอเจนซีส์ - “จอห์น โบลตัน” อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แฉในหนังสือของเขาที่กำลังจะออกวางจำหน่ายว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขอร้องผู้นำจีนอย่างโต้งๆ ให้ช่วยเหลือตัวเขาชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยสอง นอกจากนั้นประมุขทำเนียบขาวยังบอก “สี จิ้นผิง”ว่า การสร้างค่ายกักกันมุสลิมอุยกูร์เป็นล้านๆ คน เป็น “สิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง” ทางด้านทรัมป์ตอบโต้ว่าหนังสือของโบลตันมีแต่เรื่องหลอกลวง
ในเนื้อความบางตอนที่หนังสือพิมพ์แถวหน้าของสหรัฐฯ 3 ฉบับ ได้แก่ นิวยอร์ก ไทมส์, วอชิงตันโพสต์ และวอลล์สตรีทเจอร์นัล ตัดทอนมาจากหนังสือเรื่อง “เดอะ รูม แวร์ อิต แฮปเพ่น” (The Room Where It Happened) ของโบลตัน และนำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (17 มิ.ย.) โบลตัน แจกแจงว่า ทรัมป์ต้องการใช้นโยบายการต่างประเทศเป็นเครื่องมือในการชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 และเคยแสดงท่าทีบ่อยครั้งว่า พร้อมมองข้ามปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ผู้นี้ลงรายละเอียดว่า ในการพบกับประธานาธิบดีสี ของจีนเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จู่ๆ ทรัมป์ก็วกเข้าเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยพูดเป็นนัยว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งของอเมริกา และย้ำความสำคัญของเกษตรกรอเมริกัน รวมถึงการที่จีนเพิ่มการสั่งซื้อถั่วเหลืองและข้าวสาลีของอเมริกาว่า จะส่งผลอย่างไรต่อผลการเลือกตั้งของอเมริกา ซ้ำยังขอให้สีรับประกันว่า ตัวเขาเองจะได้ชัยชนะ
นอกจากนั้น โบลตันยังอ้างอิงข้อมูลจากล่ามของรัฐบาลว่า ทรัมป์เคยบอกสีว่า การสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์เป็นสิ่งที่สมควรทำ
ในวันพฤหัสบดี (18) จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จีนไม่มีเจตนาและจะไม่แทรกแซงการเมืองภายในและการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
ทางด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลในคืนวันพุธ (17) ขอให้ออกคำสั่งฉุกเฉินระงับการเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ของโบลตัน เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ โดยระบุว่าโบลตันไม่ยอมให้ทางการตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่กระทรวงยุติธรรมพยายามสกัดผลงานของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหารของทรัมป์ผู้นี้
ทว่า สำนักพิมพ์ไซมอน แอนด์ ชูสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือของโบลตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และสำทับว่า ได้จัดส่งหนังสือจำนวนหลายแสนเล่มกระจายออกไปทั่วโลกแล้ว ดังนั้น คำสั่งฉุกเฉินก็จะช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ส่วนทรัมป์นั้น กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อคืนวันพุธ โจมตีโบลตันว่าละเมิดกฎหมายโดยการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับระดับสูง รวมทั้งบอกว่า เรื่องราวในหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องโกหก
ในหนังสือของเขาที่มีกำหนดวางแผงวันอังคารหน้า (23) โบลตันแฉด้วยว่า ทรัมป์แสดงความเต็มใจอย่างเปิดเผยที่จะเข้าไประงับการสอบสวนคดีอาญา เพื่อช่วยเหลือพวกผู้นำเผด็จการที่ตนเองชื่นชอบ โบลตันบอกอีกว่า การขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องปกติในทำเนียบขาว และว่า เขาเคยรายงานข้อกังวลต่างๆ กับวิลเลียม บาร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ
โจ ไบเดน คู่แข่งของทรัมป์ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ชี้ว่า การตีแผ่ของโบลตันฟ้องว่า ทรัมป์ละเมิดหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์และค่านิยมของอเมริกา และยอมขายคนอเมริกันเพื่อปกป้องอนาคตทางการเมืองของตัวเอง
โบลตันเป็นนักการเมืองอนุรักษนิยมที่ทำงานในทำเนียบขาว 17 เดือนก่อนออกไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยที่เขาบอกว่าลาออกเอง แต่ทรัมป์กล่าวว่าได้ไล่เขาออก
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติผู้นี้ ปฏิเสธที่จะไปให้การในกระบวนการถอดถอนทรัมป์ของสภาผู้แทนราษฎรในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่เดือนต่อมา เขากลับบอกว่า พร้อมให้การหากได้หมายเรียกจากวุฒิสภา ทว่า สมาชิกรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาสูงขัดขวางไม่ให้เดโมแครตดำเนินการดังกล่าวได้
ต่อมาในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ วุฒิสภาลงมติให้ทรัมป์พ้นจากข้อกล่าวหาในการสั่งระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหาร เพื่อบีบให้ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ทำลายชื่อเสียงไบเดน
โบลตันไม่ได้พูดตรงๆ ว่า พฤติกรรมของทรัมป์ที่ถูกแฉล่าสุดมีน้ำหนักพอที่สภาจะดำเนินการถอดถอนหรือไม่ แต่แนะนำให้สภาล่างตรวจสอบเรื่องราวเหล่านั้น และยังวิจารณ์ว่า เดโมแครตเดินหมากผิดพลาดครั้งที่แล้วเพราะมัวแต่โฟกัสที่การสอบสวนกรณียูเครนเท่านั้น
เขายังแฉว่า ในทำเนียบขาวที่แสนสับสนอลหม่าน แม้แต่ผู้ช่วยที่ดูเหมือนจงรักภักดียังอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันทรัมป์ ยกตัวอย่างเช่นระหว่างการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือในปี 2018 โบลตันบอกว่า เขาได้โน้ตจากไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศที่วิจารณ์ว่า ทรัมป์เอาแต่พูดจาไร้สาระ