เอเอฟพี – รัฐบาลจีนแถลงประณามสหรัฐฯ กรณีออกกฎหมายคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนพัวพันกับการกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ โดยระบุว่าเป็นการ “โจมตีอย่างชั่วร้าย” ต่อนโยบายที่จีนใช้กับมณฑลซินเจียง
กระทรวงการต่างประเทศจีนขู่วันนี้ (18 มิ.ย.) ว่าปักกิ่ง “จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด และสหรัฐฯ ต้องยอมรับผลที่จะตามมา” ภายหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ (Uighur Human Rights Act) เมื่อวันพุธ (17)
ร่างกฎหมายซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเกือบจะเป็นเอกฉันท์กำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องตรวจสอบว่า มีเจ้าหน้าจีนคนใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับ “การกักขังหน่วงเหนี่ยวตามอำเภอใจ การทรมาน และการข่มขู่” ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ในจีน และให้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้ในสหรัฐฯ รวมถึงห้ามบุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าอเมริกา
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯเป็นการ “ก้าวก่ายกิจการภายในของจีนอย่างไร้มารยาท” และเรียกร้องให้วอชิงตัน “แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดเสีย”
“กฎหมายที่ว่านี้จงใจป้ายสีความผิดเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในซินเจียง และเป็นการโจมตีนโยบายการปกครองของจีนต่อซินเจียง” กระทรวงระบุ
นักเคลื่อนไหวระบุว่า จีนได้นำตัวชาวมุสลิมอุยกูร์และมุสลิมเชื้อสายตุรกีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนไปเข้าค่ายปรับทัศนคติ เพื่อบังคับให้คนเหล่านี้ละทิ้งวัฒนธรรมของตนและทำตัวให้กลมกลืนกับวิถีชีวิตชาวฮั่น อีกทั้งยังห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมปฏิบัติตามหลักศาสนาขั้นพื้นฐานของตน
รัฐบาลปักกิ่งออกมาแย้งว่าค่ายเหล่านี้เป็นเพียง “ค่ายฝึกอาชีพ” ซึ่งจะทำให้ชาวมุสลิมไม่หันไปฝักใฝ่แนวคิดอิสลามสุดโต่ง
การลงนามร่างกฎหมายฉบับนี้มีขึ้นพร้อมๆ กับที่สื่อได้เผยแพร่เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือเล่มใหม่ของ จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์ โดย โบลตัน อ้างว่าผู้นำสหรัฐฯ เคยขอให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ช่วยเหลือให้ตนชนะเลือกตั้งอีกสมัย และยังรับรองว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องค่ายกักกันในซินเจียง