xs
xsm
sm
md
lg

‘สหรัฐฯ-จีน’ประชุมระดับสูงวันพุธนี้ พบกันครั้งแรกหลังตึงเครียดหนักจาก‘โควิด’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) หยาง เจียฉี เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการต่างประเทศของจีน พูดกับผู้สื่อข่าว ภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2020  ท้งนี้สื่อหลายกระแสรายงานว่า หยางมีกำหนดพบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ ที่ฮาวายในวันพุธ (17 มิ.ย.) นี้
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ จะพบหารือกับ หยาง เจียฉี เจ้าหน้าที่อาวุโสทางด้านการต่างประเทศของจีน ที่รัฐฮาวายของอเมริกาในวันพุธ (17 มิ.ย.) ถือเป็นการเจรจาระดับสูงครั้งแรกของมหาอำนาจ 2 รายนี้ ตั้งแต่ที่เกิดความตึงเครียดพุ่งลิ่วจากโรคระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของสื่อหลายกระแส

พอมเพโอจะพบหารือกับ หยาง หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ออกในฮ่องกงรายงาน โดยอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งไม่มีการระบุชื่อ ทั้งนี้หยาง เคยเป็นทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และจากนั้นก็เลื่อนขึ้นเป็น มนตรีแห่งรัฐ (ซึ่งตามระบบของปักกิ่งถือว่าเทียบเท่ากับรองนายกรัฐมนตรี) ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านการต่างประเทศ เวลานี้เขาได้รับการเลื่อนขึ้นไปเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกรมการเมือง (โพลิตบูโร) ซึ่งเป็นองค์กรกำหนดนโยบายที่ทรงอำนาจยิ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ขณะที่สื่อออนไลน์ โพลิติโค และโทรทัศน์ช่องข่าว ซีเอ็นเอ็น ซึ่งต่างตั้งฐานอยู่ในสหรัฐฯ ก็รายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการพบปะเจรจาคราวนี้ โดยที่ ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า จะจัดขึ้นที่ฐานทัพอากาศฮิคแคม ซึ่งมีที่ตั้งถัดไปจากอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯยังไม่ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้

ส่วน เจ้า ลี่เจียน โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า “เมื่อมีข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมก็จะแจ้งให้ทราบ” และแถลงเพียงแค่ว่า ทั้งสองประเทศ “กำลังธำรงรักษาการติดต่อสื่อสารกันโดยผ่านช่องทางต่างๆ ทางการทูต” ทั้งนี้ตามรายงานของ โกลบอลไทมส์ สื่อแทบลอยด์ในเครือ เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์ เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

การเจรจากันครั้งนี้จะเป็นการพบปะเจอหน้ากันจริงๆ ในระดับเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสที่สุดของประเทศทั้งสอง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อตอนที่รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ของจีน เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว และร่วมกันลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งมุ่งหมายที่จะระงับความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังเดือดพล่าน

อย่างไรก็ตาม การเสียดสีขัดแย้งกันระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงบานปลายออกไปอีกหลังจากนั้น เนื่องจากทั้งตัวทรัมป์เอง และคณะบริหารของเขาโดยที่มี พอมเพโอ เป็นตัวนำ ออกมากล่าวหาประณามจีนไม่หยุดหย่อนในเรื่องโรคระบาดโควิด-19

ทรัมป์ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักจากภายในสหรัฐฯเรื่องการรับมือโรคระบาดคราวนี้ได้อย่างย่ำแย่ พยายามโบ้ยความผิดไปยังการที่ตอนต้นๆ จีนสั่งปิดข่าวการระบาดของไวรัสนี้ ขณะที่มันปรากฏขึ้นในนครอู่ฮั่นปลายปีที่แล้ว

ส่วนพอมเพโอก็ลงแรงอุตสาหะเพื่อโหมกระพือทฤษฎีสมคบคิดซึ่งถูกบรรดานักวิทยาศาสตร์กระแสหลักแม้กระทั่งของสหรัฐฯเองปฏิเสธไม่ให้ราคา ที่กล่าวหาว่าไวรัสมรณะนี้ออกมาจากห้องแล็บแห่งหนึ่งในอู่ฮั่น ไม่ใช่เป็นไวรัสซึ่งเดิมมีอยู่ในสัตว์ป่าตามธรรมชาติ แล้วกระโจนข้ามสายพันธุ์มาติดต่อในมนุษย์อย่างที่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อกันอย่างกว้างขวาง

(ภาพจากแฟ้ม) ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
ขณะที่ทรัมป์ยังคงพูดถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในลักษณะเป็นเพื่อนมิตรกัน แต่คณะบริหารของเขากลับตราหน้ามหาอำนาจเอเชียรายนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นศัตรู โดยที่พวกผู้สมัครตำแหน่งต่างๆ จากพรรครีพับลิกันของเขา กำลังออกโฆษณาหาเสียงซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ปักกิ่งอย่างรุนแรง ก่อนหน้าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตอนต้นเดือนพฤศจิกายนนี้

คณะบริหารทรัมป์ยังออกมาตรการเพื่อตอบโต้กับการที่จีนผลักดันให้ออกกฎหมายความมั่นคงออกมาใช้ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของตน

นอกจากนั้นเป็นที่คาดหมายกันว่า เร็วๆ นี้ทรัมป์จะลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่ผ่านรัฐสภาสหรัฐฯออกมาโดยได้รับความสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะวางกรอบมาตรการแซงก์ชั่นลงโทษพวกเจ้าหน้าที่จีนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจอย่างมิชอบในซินเจียง ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองระดับเทียบเท่ามณฑลทางภาคตะวันตกของจีน

พวกนักเคลื่อนไหวและผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า มีชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมพูดภาษาคล้ายตุรกีชาติพันธุ์อื่นๆ อย่างน้อย 1 ล้านคนในซินเจียง ถูกกักกันตัวในการรณรงค์ขนาดมโหฬารเพื่อการล้างสมอง

แต่ฝ่ายจีนบอกว่า สิ่งที่ตนกระทำอยู่คือการให้การฝึกอาชีพ เพื่อสกัดกั้นลัทธิหัวรุนแรงอิสลามิสต์

นอกจากนั้น ช่วงไม่นานมานี้จีนได้โอกาสเอาคืนด้วยการวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ และการที่ตำรวจใช้ความทารุณโหดร้ายต่อชนผิวสีภายในประเทศ ภายหลังเกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางต่อกรณีการสังหาร จอร์จ ฟลอยด์ –รวมไปถึงการที่ตำรวจและหทารในกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนลการ์ด) ของสหรัฐฯใช้กำลังรุนแรงในการขับไล่การชุมนุมเดินขบวนอย่างสันติที่ด้านนอกของทำเนียบขาว

หยาง ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯด้วย ได้เคยจัดการพบปะอย่างเงียบๆ ครั้งหนึ่งในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วที่นครนิวยอร์ก เพื่อหารือเกี่ยวกับความตึงเครียดต่างๆ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น