เอเอฟพี - สหรัฐฯและจีน ในวันศุกร์ (20 มี.ค.) เปิดสงครามน้ำลายเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 กันอีกรอบ โดยปักกิ่งออกมาโวยใส่ ไมค์ พอมเพโอ ว่า “โกหกหน้าด้านๆ” หลังรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา อ้างว่า จีนแจ้งเตือนล่าช้า และปล่อยผู้คนหลายแสนเดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่น เอาเชื้อโรคไปแพร่ระบาดสู่ประเทศอื่นๆ
ระหว่างให้สัมภาษร์กับฟ็อกซ์นิวส์ พอมเพโอ ระบุว่า ปักกิ่งเสียเวลาอันมีค่าไปหลายวันนับตั้งแต่พบการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ปล่อยให้ผู้คนหลายแสนเดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาด ไปยังประเทศอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอิตาลี ดินแดนซึ่งเวลานี้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก แซงหน้าจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำไม่ถูกต้อง และนำชีวิตผู้คนมหาศาลเหลือคณานับอยู่ในความเสี่ยงจากความผิดพลาดดังกล่าว” พอมเพโอ ระบุ
หัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แสดงความขุ่นเคืองต่อคำพูดดังกล่าวของพอมเพโอ โดยเขียนบนทวิตเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ ว่า “เลิกโกหกหน้าด้านๆ เสียที”
“ดังเช่นที่พวกผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกพูดไว้ ความพยายามของจีนทำให้ผู้คนหลายแสนคนรอดพ้นจากการติดเชื้อ” เธอเขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมระบุว่า จีนแจ้งกับสหรัฐฯเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งแจ้งเตือนพลเมืองอเมริกาในอู่ฮั่นวันที่ 15 มกราคม “แล้วตอนนี้มาโทษว่าจีนเป็นต้นตอของความล่าช้า? แน่ใจหรือ?”
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้กลับผ่านทวิตเตอร์ทันควัน ว่า “ในวันที่ 3 มกราคม เจ้าหน้าที่จีนได้ออกคำสั่ง#ทำลายตัวอย่างไวรัสโควิด19 ปิดปากพวกแพทย์อู่ฮั่นและเซ็นเซอร์ความกังวลของประชาชนบนสื่อสังคมออนไลน์ หัวพูดถูกว่า โลกจะต้องพินิจพิเคราะห์กรอบเวลาดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน”
ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่ก่อนแล้วระหว่างสองชาติมหาอำนาจถูกฉุดให้เลวร้ายลงไปอีกจากวิกฤตโรคระบาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจีนจะสามารถควบคุมมันได้แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งโควิด-19 กำลังก่อความยุ่งเหยิงอย่างรุนแรงแก่วิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ และจนถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกแล้วมากกว่า 10,000 คน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯเรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าประท้วง หลังโฆษกกระทรวงการต่างประเทศปักกิ่งรายหนึ่งทวีตทฤษฎีสมคบคิดสมมติฐานหนึ่ง โดยเชื่อว่าทหารอเมริกาเป็นคนนำไวรัสเข้าสู่อู่ฮั่น
ข้อความเป็นทวิตเตอร์ดังกล่าว กระพือความเดือดดาลแก่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และเขาใช้ถ้อยคำที่กระตุ้นความโกรธแค้นจากจีนเช่นกัน หลังเรียกโควิด-19 ว่าเป็น “ไวรัสจีน”
