เอเอฟพี - ผู้บัญชาการตำรวจของไนจีเรียในวันจันทร์(15มิ.ย.) เปิดเผยว่าประเทศของเขามีคดีข่มขืนและการกระทำรุนแรงกับผู้หญิงในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ระหว่างมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19)
"มันกลายเป็นที่รับรู้ของสาธารณชนแล้วว่า เพราะข้อจำกัดต่างๆที่ออกมาเพื่อสกัดโควิด-19 เรามีคดีข่มขืนและความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น" โมฮัมเหมด อาดามู จเรตำรวจแห่งชาติบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงอาบูจา
"ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2020 เราได้รับแจ้งเหตุข่มขืน 717 เหตุการณ์ทั่วประเทศ" เขากล่าว พร้อมระบุว่าได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น 799 คน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอลีน ทัลเลน รัฐมนตรีกิจการสตรี จำนวนคดีล่วงละเมิดสตรีและเด็กเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เนื่องจากเหยื่อต้องติดอยู่ภายในบ้านท่ามกลางมาตรการล็อกดาวน์
ไนจีเรีย ชาติที่มีพลเมืองกว่า 200 ล้านคน มากสุดในทวีปแอฟริกา สั่นสะเทือนไปด้วยคดีดังเหตุฆ่าและข่มขืนผู้หญิงหลายต่อหลายคดีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเหตุโจมตีเหล่านนั้นโหมกระพือเสียงคร่ำครวญทางออนไลน์และการประท้วงบนท้องถนน ซึ่งกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ต้องออกมาให้สัญญาว่าจะเพิ่มความพยายามสำหรับจัดการกับเหตุความรุนแรงทางเพศภายในประเทศ
ผู้ว่าการรัฐต่างๆทั่วประเทศได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และบอกว่าพวกเขามีหน้าที่รับประกันว่าพวกผู้กระทำผิดต้องเผชิญโทษสูงสุดตามกรอบของกฎหมาย
จากข้อมูลของ UNICEF พบว่าผู้หญิงไนจีเรียราว 1 ใน 4 ถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนอายุครบ 18 ปี และเคสล่วงละเมิดทางเพศส่วนใหญ่ในประเทศแห่งนี้ไม่ถูกดำเนินคดี
เมื่อปีที่แล้ว ไนจีเรียได้เริ่มดำเนินการขึ้นบัญชีดำพวกล่วงละเมิดทางเพศเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นก้าวย่างสำคัญในการปราบปรามเหตุล่วงละเมิดทางเพศ
เจ้าหน้าที่ไนจีเรียได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เวลานี้ส่วนใหญ่ได้ผ่อนคลายความเข้มงวดลงไปแล้ว
จนถึงวันจันทร์(15มิ.ย.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไนจีเรียยืนยันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 16,085 คนและเสียชีวิต 420 คน นับตั้งแต่พบเคสผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
