ชัยภูมิ - นับวันยิ่งเสื่อม ตำรวจ สภ.ชัยภูมิ แจ้ง 3 ข้อหา พ่อเลี้ยงชั่วชำเราลูกเลี้ยงวัย 10 ขวบ นานกว่า 2 ปี หลังพี่สาวพาเข้าแจ้งความและขอความช่วยเหลือจาก “บุ๋ม ปนัดดา” ด้านพ่อเลี้ยงหื่นเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมปฏิเสธ ตร.ส่งศาลฝากขังพร้อมคัดค้านประกันตัว
วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี พี่สาว ได้พาน้องสาว ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่าถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 2 ปี ก่อนพาตัวน้องสาว ด.ญ.บี วัย 10 ขวบ ผู้เสียหาย ไปหลบพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักพี่สาว ที่ ต.บ้านสวน อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี และได้ติดต่อ “บุ๋ม” ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี พร้อมทีมงานเข้าช่วยเหลือในการดำเนินคดีต่อพ่อเลี้ยงอีกทาง
ล่าสุดวันนี้ น.ส.เอ วัย 20 ปี พี่สาว และน้องสาว ด.ญ.10 ขวบ ผู้เสียหาย ได้พากันเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ หลังที่ผ่านมาพยายามรอทางบุ๋ม ปนัดดา ช่วยพามาติดตามความคืบหน้าคดีที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งวันนี้ทางบุ๋มเองไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะติดธุระด่วน จึงขอให้ทาง น.ส.เอ วัย 20 ปี พร้อมน้องสาว ด.ญ.10 ขวบ ผู้เสียหาย เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายซึ่งคดีนี้เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ
โดย น.ส.เอ วัย 20 ปี และ ด.ญ.บี วัย 10 ขวบ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อให้ปากคำสอบสวนทางคดีเพิ่มเติม โดยมีกลุ่มสหวิชาชีพ ตาม พ.รบ.คุ้มครองเด็กที่มีทั้งฝ่ายตำรวจ อัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ พมจ.บ้านพักเด็กและสตรี ร่วมสอบปากคำ
จากนั้น พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ทาง พ.ต.ท.นพดล ทุนทวีศีลศักดิ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อม พ.ต.ท.ประสิทธิ์ อุตรส สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ เดินทางไปไปเชิญตัวนายรพิน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ชาวปราจีนบุรี พ่อเลี้ยงรายดังกล่าวที่มาเช่าห้องพักอาศัยอยู่ที่บ้านเมืองน้อยใต้ ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พร้อมกับ น.ส.สุนันต์ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ แม่แท้ๆของ ด.ญ.ผู้เสียหาย ที่ยังอาศัยอยู่กับกับสามีใหม่พ่อเลี้ยงรายนี้
นายรพี พ่อเลี้ยงยังให้การปฏิเสธว่าไม่เคยข่มขืนลูกเลี้ยง ด.ญ.วัย 10 ขวบแต่อย่างใด รับเพียงว่าเคยตีบ้างตามที่ผู้ใหญ่สั่งสอนลูกเท่านั้น และกรณีถูกกล่าวหาว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการกระทำความรุนแรง ตี จับหัวน้องกดน้ำ และมีการล่วงละเมิดทางเพศนั้นไม่เป็นความจริง เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่พี่สาวอีกคนที่อยู่ จ.ชลบุรี โทร.มาหา ด.ญ.10 ขวบ และสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อไม่อยากให้ตนอยู่กับแม่เขา เพราะไม่พอใจที่ตนเคยตี ดุด่า ที่ทำไปก็เพียงเพื่อสั่งสอนอยากให้เป็นเด็กดีเท่านั้น ในกรณีเรื่องการชอบเล่นโทรศัพท์ ขอยืนยันว่าไม่เคยกระทำอนาจารลูกเลี้ยงแต่อย่างใด
ทางด้านนางดี วัย 38 ปี แม่แท้ๆ ของ ด.ญ.10 ขวบผู้เสียหาย กล่าวว่า ไม่เคยทราบเรื่องนี้เลยกระทั่งทราบว่าลูกสาวคนโต และลูกสาว ด.ญ.10 ขวบ พากันมาแจ้งความจับพ่อเลี้ยงครั้งนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกของตนที่มาอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงที่ จ.ชัยภูมิ ไม่ได้เล่าให้แม่ฟังว่าถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนเลย แต่ตนรู้พียงว่าลูกสาวของตนเคยบอกว่าถูกพ่อเลี้ยงตีทำร้ายร่างกาย เมื่อช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ต่อมาก็เป็นปกติ ลูกสาว ด.ญ.10 ขวบ อยู่กับพ่อเลี้ยงรายนี้มาตลอดก็เห็นอยู่กันด้วยดี ไปไหนมาไหนด้วยกัน และไปต่อคิวรับถุงยังชีพโควิด-19 กลับมาด้วยกัน ก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไร จนมาทราบว่ามีการแจ้งความก็ยังงงอยู่เหมือนกัน เพราะลูกไม่เคยเล่าให้ฟังว่าถูกข่มขืนเลย กระทั่งมาได้ข่าวหลังจากที่พี่สาวเขาว่าได้มาพาน้องไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี จึงทราบเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับผลตรวจร่างกายจากทางโรงพยาบาลแล้ว เบื้องต้นผลตรวจร่างกายไม่พบว่ามีอวัยวะเพศฉีกขาดหรือมีร่องรอยถูกข่มขืน หากเป็นการถูกกระทำมานานกว่า 2 ปี ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการตรวจโดยละเอียดชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมตัวแทนสหวิชาชีพ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ได้สอบสวนเด็กหญิง 10 ขวบและพี่สาวเพิ่มเติมแล้ว โดยเด็กยืนยันว่าถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศจริงมาหลายครั้ง ทั้งตั้งแต่ครั้งแรกที่พยายามนำอวัยวะเพศของพ่อเลี้ยงเองสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของน้องแต่ไม่สามารถเข้าได้ ก่อนจะพยายามใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศน้อง และทำการล่วงละเมิดทางเพศมาจนนับครั้งไม่ได้ตลอดช่วง 2 ปี ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพ่อเลี้ยงรายนี้ ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1. กระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี 2. ใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย 3. ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวด้วยการขู่เข็ญ ก่อนที่วันนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ จะพาตัวพ่อเลี้ยงรายนี้ไปขอศาลอนุมัติฝากขังที่เรือนจำชัยภูมิ และคัดค้านการประกันตัวเพื่อควบคุมตัวไว้จนกว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องศาลโดยเร็วต่อไป