“เพนกวิน” นักเคลื่อนไหวการเมือง โพสต์ทวิตเตอร์เคลียร์ประเด็นอดีตสมาชิกพรรคโดมปฏิวัติข่มขืน อ้างกระทุ้งให้เร่งสอบแล้ว แต่ไม่คืบหน้า แจงก้าวร้าวเพราะโกรธเผด็จการ อ้างอารมณ์พาไป คำหยาบคายไม่ใช่เฮชสปีชเสมอไป
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักเคลื่อนไหวการเมือง และ อดีตประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @paritchi ระบุว่า “ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมขออนุญาตชี้แจงเรื่องที่ผมถูกพาดพิงมานานแสนนาน คือ เรื่องปกป้องอดีตสมาชิกกลุ่ม (โดมปฏิวัติ) ที่มีข่าวว่าข่มขืนคนอื่น เคยโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงมาพักนึงแล้ว แต่ไม่เคยเอาลงทวิตเตอร์ ขอชี้แจงดังต่อไปนี้
ตั้งแต่ทราบเรื่อง ผมเป็นคนประสานอาจารย์จากกองกิจการนักศึกษาให้มาสอบวินัยอดีตสมาชิกกลุ่มคนนั้น และให้สมาชิกคนดังกล่าวออกจากกลุ่มไป เมื่อกระบวนการของทางมหาวิทยาลัยล่าช้า ผมก็ไปกระทุ้งตามเรื่องให้เร่งสอบเพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถึงบัดนี้ กระบวนการของมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้คืบหน้า ในช่วงนั้น ผมพยายามบอกเพื่อนที่สนิทกับอดีตสมาชิกนั้นให้วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใครเพียงเพราะเขาเป็นเพื่อนเรา เป็นประเด็นที่ผมย้ำอยู่บ่อยมาก ต่อมาได้ยินว่ามีเหตุล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นอีก (ขอไม่ลงรายละเอียด แต่รายละเอียดส่วนนี้ปรึกษากับเจ้าทุกข์แล้วจึงเอามาพูด) ผมก็เป็นคนพาเจ้าทุกข์ไปร้องเรียนที่กองกิจ ตอนนี้ก็ยังไม่คืบหน้า เงียบหายไปเลย ผมเคยตั้งปณิธานว่าต้องการกำจัดแนวคิดชายเป็นใหญ่ให้พ้นไปจากขบวนการฝ่ายซ้าย เพราะผมก็คิดว่าผม suffer (อดทนอดกลั้น) จากการกดขี่ทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคม
เพศสภาพของผมไม่ได้เป็นตามวิถีกระแสหลัก ระบบชายเป็นใหญ่ทำให้ผมต้องตรึกตรองเรื่องนี้หลายปีก่อนจะพูดเรื่องนี้ เพราะก็แอบกลัวอยู่มากว่าถ้าพูดเรื่องนี้จะถูกล้อเลียน ทั้งจากฝ่ายตรงข้ามและพวกเดียวกันเองหรือไม่ ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์ ผมพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าผมใช้ hate speech (คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง) ผมใช้ยังไงครับ ผมก้าวร้าว ใช่ ก็ผมโกรธระบอบเผด็จการ และผมคิดว่าเราควรโกรธมากกว่านี้ ผมใช้คำหยาบคาย ก็มีบ้างนิดหน่อย อารมณ์มันพาไป แต่ผมคิดว่าที่ผมพูดมันก็หยาบคายน้อยกว่าที่เผด็จการทำกับประชาชน
สุดท้าย คำหยาบคายไม่ใช่ hate speech เสมอไปนะครับ ผมไม่ได้เหยียดใคร สิ่งเดียวที่ผมเหยียดคือระบอบเผด็จการครับ เพราะผมคิดว่าการสนับสนุนเผด็จการไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมายครับ ความเจ็บปวดมากที่สุดของเรื่องนี้คือถูกโจมตีในเรื่องที่เรายึดมั่น ซึ่งก็คือสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศ ความเท่าเทียมที่ผมเรียกร้องไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ถ้าประเด็นเรื่องเพศไม่ถูกพูดถึง ท้ายที่สุด ผมต้องขอโทษเหยื่อแทนอดีตสมาชิกคนนั้นด้วย ผมพยายาม take action ผ่านกลไกของมหาวิทยาลัยแล้ว ผมมาชี้แจงในวันนี้เพื่อให้ทุกคนเห็นว่ากระบวนการตอนนี้เป็นอย่างไร และผมทำอะไรไปบ้างครับ”
สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2562 หลังการเลือกตั้งสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อพรรคโดมปฏิวัติ ซึ่งมีนายพริษฐ์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรค ถูกวิจารณ์ว่า มีสมาชิกพรรครายหนึ่งเป็น “นักข่มขืน” ตั้งข้อสงสัยว่า นักศึกษารายหนึ่งนามว่า นายเขียว (นามสมมติ) หัวหน้าฝ่ายจัดหาบุคลากรของพรรคโดมปฏิวัติ ข่มขืนกระทำชำเราแฟนสาวของตนเอง กระทั่งมีแชตหลุดออกมาในโลกออนไลน์ ว่า นายเขียว คุยกับแฟนสาวยอมรับว่าข่มขืนในช่วงที่คบหากันอยู่ ทำให้นายพริษฐ์ชี้แจงว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แต่กระแสในหมู่นักศึกษาวิจารณ์ว่าเอาคนของตัวเองมาตรวจสอบ ต่างอะไรกับรัฐบาลที่เอาคนของตัวเองตรวจสอบการทุจริต ทั้งที่ผ่านมาพรรคโดมปฏิวัติโจมตีรัฐบาล ถึงความไม่โปร่งใสตลอดเวลา
ต่อมานายเขียวโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนเก่า ตอนคบหากัน ก็มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติของคู่รัก และทุกครั้งจะถามความยินยอมก่อน แต่มีครั้งหนึ่งที่ขอความยินยอมแล้วปฏิเสธ สักพักจึงถามฝ่ายหญิงเรื่อยๆ จนยินยอม และอ้างว่าไม่ได้ใช้กำลังข่มขู่ใดๆ ซึ่งตนผิดเองที่ไม่ได้นึกถึงอีกฝ่าย อาศัยสถานะความเป็นแฟนเพื่อขอให้ยอมมีเพศสัมพันธ์ แต่ตอนนั้นคิดว่าทำได้ เพราะถามเขาแล้ว และเข้าใจว่าเต็มใจ
ทำให้ฝ่ายหญิงตอบโต้ไปว่า นายเขียวขอมีเพศสัมพันธ์แล้วกอดจูบ จับหน้าอกทันทีโดยไม่รอคำตอบ อาจมีบางครั้งที่ยอมแต่ที่ผ่านมาไม่เคยขอ แต่แค่บอก ซึ่งการที่เคยสมยอมไม่ได้แปลว่าครั้งต่อมาจะยินยอม อีกทั้งนายเขียวบังคับให้ฝ่ายหญิงเสพกัญชาจนขาดสติ หมดแรง ร้องไหกับพื้นห้อง ก่อนกระทำชำเราอีกรอบ ในสภาพขัดขืนไม่ได้ ที่ผ่านมาเคยเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้ที่พรรค แต่ทางพรรคก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง อ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อย้ำว่า เป็นการข่มขืนและยาเสพติด ก็อ้างว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้ามาคุกคามจะดำเนินการให้ ส่งผลให้สมาชิกในพรรคพากันลาออก ก่อนที่นายเขียวจะลาออก และให้กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ามาสวนด้วยตัวเอง เรื่องนี้เป็นที่วิจารณ์ในโลกโซเชียล ติดแฮชแทก #จับโป๊ะโดมปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นโจมตีพรรคโดมปฏิวัติอย่างกว้างขวาง