รอยเตอร์ – ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สร้างความผันผวนต่อตลาด เมื่อผลสำรวจล่าสุดเผยคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ร่วงตามหลัง โจ ไบเดน ผู้สมัครเต็งหนึ่งจากพรรคเดโมแครต สืบเนื่องจากกระแสความไม่พอใจมาตรการรับมือโควิด-19 รวมไปถึงท่าทีของ ทรัมป์ ที่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงต้านเหยียดผิว
นักวิเคราะห์มองว่า หากผู้สมัครสายเดโมแครตได้เป็นประธานาธิบดีจะทำให้นโยบายของ ทรัมป์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของวอลล์สตรีท ตัวอย่างเช่น การลดภาษีนิติบุคคล และการผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง
“ชัยชนะของ โจ ไบเดน หรือยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่พรรคเดโมแครตกวาดชัยชนะเรียบ (Democratic sweep) คือสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นผลดีต่อตลาด” นักวิเคราะห์จากสถาบัน BofA Global Research ระบุในบันทึกข้อความที่ส่งถึงลูกค้าเมื่อเร็วๆ นี้
ผลสำรวจความคิดเห็นรอยเตอร์/อิปซอสซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 8-9 มิ.ย. ที่ผ่านมาพบว่า ไบเดน ซึ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดีในยุค บารัค โอบามา และเป็นเต็งหนึ่งผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสายเดโมแครต มีคะแนนนิยมนำหน้า ทรัมป์ อยู่ราวๆ 8% และยังพบว่าชาวอเมริกันมากถึง 57% “ไม่พอใจ” การปฏิบัติหน้าที่ของทรัมป์ เทียบกับคนเพียง 39% ที่ตอบว่าพอใจ
ผลสำรวจอีกฉบับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า ชาวอเมริกัน 55% “ไม่เห็นด้วย” กับวิธีที่ ทรัมป์ ใช้รับมือเหตุประท้วงการตายของ จอร์จ ฟลอยด์
เว็บไซต์ Predictlt ประเมินว่าตอนนี้ ไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้า ทรัมป์ อยู่ 9 จุด เพิ่มขึ้นจาก 6 จุดเมื่อ 1 เดือนก่อน
ประเด็นหนึ่งที่ ทรัมป์ และ ไบเดน มีจุดยืนขัดแย้งกันมากที่สุดก็คือเรื่องภาษี โดย ไบเดน นั้นไม่เห็นด้วยที่ ทรัมป์ ออกกฎหมายลดภาษีนิติบุคคลเมื่อปี 2017 และประกาศว่าจะเข้ามา “แก้ไข” นโยบายดังกล่าว สร้างความวิตกกังวลต่อภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้
นักวิเคราะห์จากธนาคารโกลด์แมนแซคส์ประเมินว่า หากปล่อยให้ ไบเดน เข้ามาดำเนินการปฏิรูปภาษี ราคาหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ในดัชนี S&P 500 จะลดลงประมาณ 20-150 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นภายในปี 2021
ในทางตรงกันข้าม หาก ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน
ทรัมป์ แสดงท่าทีแข็งกร้าวกับจีนมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะเรียกเรตติ้งจากชาวอเมริกันที่เป็นฐานเสียงของตน