รอยเตอร์ - ตำรวจฮ่องกงปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคน ซึ่งออกมาเดินขบวนปิดถนนใจกลางย่านธุรกิจ เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) เพื่อรำลึกครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ประท้วงใหญ่ โดยมีนักเคลื่อนไหวถูกจับรวม 53 คน
การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดจากการที่จีนเตรียมนำกฎหมายความมั่นแห่งชาติฉบับใหม่มาบังคับใช้ในฮ่องกง
ตำรวจแถลงวันนี้ (10) ว่า มีชาย 36 คน และหญิง 17 คน ถูกจับฐานจัดการชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย และเข้าร่วมการชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการรวมตัวเกินกว่า 8 คน ที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักเคลื่อนไหวฮ่องกงยังมีแผนจัดการชุมนุมต่อเนื่องในอีกหลายวันข้างหน้า เพื่อต่อต้านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่พวกเขาเกรงว่าจะบั่นทอนเสรีภาพของพลเมืองบนเกาะกึ่งปกครองตนเองแห่งนี้
กฎหมายฉบับนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการร่าง และยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกบังคับใช้ในลักษณะใด แต่ทางการปักกิ่งและฮ่องกงยืนยันว่า “ไม่มีอะไรต้องกังวล” และย้ำว่า กฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับคนกลุ่มเล็กๆ ที่ “สร้างปัญหา” เท่านั้น
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ จอห์น ลี รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฮ่องกงวันนี้ (10) โดย ลี ระบุว่า ตำรวจฮ่องกงกำลังเตรียมจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเฉพาะ โดยหน่วยงานนี้จะมีศักยภาพในการรวบรวมข่าวกรอง สืบสวน และการฝึกฝนด้วย
บริษัทชั้นนำบางแห่ง เช่น ธนาคาร HSBC และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้ออกมาประกาศสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง ทั้งที่ยังไม่ทราบรายละเอียดด้วยซ้ำ เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักลงทุน รวมถึงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอังกฤษ
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณาม HSBC ว่า “ยอมก้มหัวให้จีน” ทั้งที่ไม่ได้อะไรตอบแทนหนักหนา ขณะเดียวกันก็วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า “ใช้กลยุทธ์ข่มขู่”
ชนวนเหตุของการประท้วงใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วเกิดจากการที่รัฐบาลฮ่องกงพยายามผลักดัน “ร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ซึ่งจะเปิดทางให้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปขึ้นศาลในจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ต่อมานาง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ได้ยอมถอนร่างกฎหมายดังกล่าว