นักเคลื่อนไหวหญิงผิวดำฝ่ายเชียร์ทรัมป์ “แคนดิซ โอเวนส์” ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านเกี่ยวกับ “จอร์จ ฟลอยด์” ผู้ล่วงลับ ที่การเสียชีวิตของเขากำลังทำให้เกิดกระแสเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่คนผิวดำทั่วโลกว่าแท้จริงแล้วชายคนนี้ไม่ควรจะถูกยกย่องเป็นฮีโร่ แต่เรียกว่าเป็น “อาชญากรมืออาชีพ” ได้ด้วยซ้ำไป
ภาพการถูกตำรวจใช้ความรุนแรง ด้วยการใช้เข่าทับไปที่คอจนทำให้ชายผิวดำที่ชื่อว่า จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต ได้กลายเป็นการจุดกระแสให้เกิดการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวไปทั่วโลก
รวมถึงบรรดาคนดังจากทั่วโลกที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนกระแสนี้ ทั้งเขียนข้อความใน IG, Twitter, Facebook บางคนก็สนับสนุนเงินทุนให้กับการเคลื่อนไหว และยังมีจำนวนไม่น้อยที่ออกมาร่วมแสดงพลังด้วยการประท้วงในสถานที่ต่างๆ
จอร์จ ฟลอยด์ ฮีโร่ และสัญลักษณ์แห่ง Black Lives Matter
ในเวลาเดียวกัน ตัวของฟลอยด์เองได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวโดยทันที หนุ่มวัย 46 ปี ที่ประกอบอาชีพยามรักษาความปลอดภัย และขับรถบรรทุก เริ่มจะได้รับการกยกย่องในแง่มุมต่างๆ ทั้งเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล และอเมริกันฟุตบอลฝีมือดี และยังเคยเป็นศิลปินแรปภายใต้ชื่อ Big Floyd แห่งกลุ่ม Screwed Up Click ซึ่งว่ากันว่ามีส่วนต่อการกำเนิดของฮิปฮอปจากฮุสตันด้วย
คนดังหลายคนเริ่มเข้าไปช่วยเหลือครอบครัวของฟลอยด์ และส่วนใหญ่ก็ยังกล่าวยกย่องในตัวเขาราวกับว่าเป็นฮีโร่
แต่ล่าสุดกลับมีข้อมูลอีกด้านจากนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผิวดำที่ชื่อว่า แคนดิซ โอเวนส์ ซึ่งมีจุดยืนอยู่ในฝั่งอนุรักษนิยม และยังสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย จนทำให้ โอเวนส์ กลายเป็นบุคคลที่ค่อนข้างอื้อฉาว เพราะมีความคิดที่แตกต่างจากคนผิวดำส่วนใหญ่มาก
แต่ข้อมูลของเธอในครั้งนี้กลับได้รับการเผยแพร่ไปทั่ว มีการส่งต่อไปในชุมชนออนไลน์ต่างๆ มากมาย และคนจำนวนไม่น้อยก็ยอมรับว่าคราวนี้ โอเวนส์ “มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน”
“จอร์จ ฟลอยด์” ฮีโร่ หรืออาชญากร!? โดนจับมาหลายครั้ง ทั้งเสพยา, ปล้น, ชิงทรัพย์หญิงท้องแก่ผิวดำ
แคนดิซ โอเวนส์ กล่าวในคลิปว่าเธอเองเห็นด้วยกับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดีเร็ก ชอวิน และผู้ร่วมงานทั้งหมด 4 คน เธอคิดว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ และมีส่วนทำให้ ฟลอยด์ ต้องเสียชีวิต
แต่ในเวลาเดียวกัน โอเวนส์ ก็เชื่อว่า จอร์จ ฟลอยด์ กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และตอนนี้ถูกยกย่องราวกับเป็น “ฮีโร่” ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเขาแทบไม่ต่างอะไรกับ อาชญากรมืออาชีพเลย
จากข้อมูลการชันสูตรศพ โอเวนส์เผยว่า ระหว่างการจับกุมตัวจนทำให้เขาเสียชีวิต ฟลอยด์มีอาการมึนเมายากล่อมประสาทประเภท fentanyl กับ methamphetamine และระหว่างการจับกุมยังพกสารลักษณะเป็นผงสีขาว คล้ายยาเสพติดประเภทโคเคนอยู่กับตัวเขา ซึ่งในคลิปที่มีการเผยแพร่กันก็จะเห็นสารดังกล่าวด้วย แต่สื่อกลับแทบไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย
นักเคลื่อนไหวสาวยังเปิดเผยว่า ฟลอยด์ เคยถูกจำคุกมาแล้ว 5 ครั้ง ในปี 1998, 2002, 2004, 2005 และ 2007 ทั้งคดีปล้น และการใช้ยาเสพติด ซึ่งคดีในปี 2007 เป็นการก่อคดีรุนแรงด้วยการบุกเข้าบ้านหญิงผิวดำที่กำลังตั้งครรภ์เพื่อปล้นทรัพย์ โดยในเหตุการณ์ ฟลอยด์ ยังใช้ปืนจ่อไปที่ท้องของหญิงที่เป็นเหยื่อด้วย
ตำรวจใช้ความรุนแรง หรือ คนดำ (บางส่วน) ทำตัวเป็นโจร! ตำรวจโดนคนดำฆ่ามากมาย
“พวกเรา (คนผิวดำ) กลายเป็นพวกที่กำลังต่อสู้ และโวยวาย และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนของเราเองที่ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย เรากำลังถูกหลอกด้วยคำโกหก จนกำลังสร้างความเสียหายให้กับทั้งชุมชนคนดำ รวมถึงพวกคนขาว และสังคมอเมริกันทั้งหมดด้วย” โอเวนส์ บอก
เธอยังตั้งคำถามถึงข้อกล่าวหาที่ว่าคนดำกำลังตกเป็เหยื่อของการใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ว่าจริงๆ แล้วหากคิดเป็นจำนวน มีตำรวจที่ถูกคนผิวดำฆ่า มากกว่าที่ตำรวจไปฆ่าคนดำถึง 18 เท่าเลยทีเดียว “แล้วตำรวจเคยทำอะไรผิดบ้างรึเปล่า? แน่นนอนว่าเคย ... เพราะพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน และบางครั้งคนเราก็ทำอะไรห่วยแตก สังคมไม่ได้สมบูรณ์แบบ”
“เราไม่ควรมองอะไรแบบตื้นๆ และเรายิ่งไม่ควรยอมรับการสร้างเรื่องของพวกเดโมเครตด้วย” โอเวนส์ กล่าว จนแม้แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังรีทวีตข้อความของเธอ
โครงการระดมทุนช่วยร้านที่เสียหายจากการประท้วงโดนระงับ
กระแสการประท้วง Black Lives Matter ยังคงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีทรัพย์สินเสียหายจากผู้ประท้วงมากมายในหลายๆ รัฐของอเมริกา รวมถึงคาเฟ่ของ ไมเคิล ไดก์ส ใน เมืองเบอร์มิงแฮม รัฐแอละแบมา ที่ถูกผู้ชุมชนเข้าไปทำลายจนเสียหายหลังเขาแสดงความเห็นว่าผู้ประท้วงพวกนี้ “ปัญญาอ่อน” และยังบอกว่า จอร์จ ฟลอยด์ คือ “นักเลงหัวไม้ซึ่งไม่ควรจะได้รับการยกย่อง”
ซึ่ง แคนดิซ โอเวนส์ ได้พยายามจะช่วยเหลือร้านของ ไดก์ส ด้วยการเปิดโครงการรับบริจาคเงินให้กับเขาผ่าน GoFundMe จนสามารถเรี่ยไรเงินได้ถึง 2 แสนเหรียญ
แต่สุดท้าย GoFundMe กลับระงับโครงการนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าบัญชีผู้ใช้ของ โอเวนส์ “เขียนข้อมูลเข้าข่ายเป็นการแสดงความเกลียดชัง, เลือกปฏิบัติ และใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ โจมตีคนดำ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังมีปัญหาที่ละเอียดอ่อน ซึ่งการกระทำทั้งหมดถือว่าผิดต่อกฎระเบียบการให้บริการของเรา”