>>ด้วยการแสอันร้อนแรงของ BLM #BlackLiveMatter ที่ผู้คนต่างออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนผิวสี การเท่าเทียมของมนุษยธรรม ที่เป็นผลมาจากการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” หนุ่มผิวดำที่โดนตำรวจทำการจับกุมอย่างรุนแรงด้วยการใช้เข่ากดเขาลงกับพื้นนานหลายนาทีจนขาดออกซิเจน ซึ่งมีคนถ่ายวิดิโอไว้ได้ ทำให้คนที่ได้เห็นรับรู้ข่าวนี้ ต่างรับไม่ได้กับกระทำแบบ 2 มาตรฐานของตำรวจของอเมริกันที่มักจะกระทำกับคนดำแบบรุนแรงเกินกว่าเหตุ ต่างจากการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาชาวผิวขาวแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
จนทำให้ทุกคนออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้มีการสอบสวนลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ทำเกินกว่าเหตุนี้ การจะลามเป็นไฟลามทุ่งกลายเป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวผิวสีไปทั่วทุกรัฐ รวมถึงเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก รวมไปถึงคนดังจากหลากหลายวงการออกมาร่วมกันเคลื่อนไหวเรียกร้อง ทั้งออกไปรวมประท้วง บริจาคเงิน รวมทั้งรณรงค์ในโลกออนไลน์ และคนที่โดนโจมตีมากที่สุด ก็หนีไม่พ้น “โดนัล ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นชื่อว่ายกย่องความผิวขาว และเหยียดคนต่างสีผิว ต่างเชื้อชาติที่สุด และกดดันให้เขาลงมือจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ แต่นอกจากเขาจะไม่สนใจแล้ว ยังใช้มาตรการรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วง พร้อมทั้งมองว่าผู้ชุมนุมล้วนแล้วแต่เป็นพวกกุ๊ย เป็นอาชญากร ที่ไม่ต้องให้ความสนใจ ซึ่งการกระทำของเขายิ่งทำให้เรื่องราวบานปลายยิ่งขึ้น
แม้กระทั่งบรรดาผู้สนับสนุนตัวยงของทรัมป์ ที่ส่วนใหญ่เป็นอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวา ซึ่งปกติแล้วก็ออกร่วมส่งเสียงเห็นด้วยในการกระทำหลายๆ อย่างของเขา อย่าง คลิน อีสวู้ด, วินซ์ วอห์น, จอน วอยต์ (ดารารุ่นเก่า พ่อของแอนเจลิน่า โจลี่) , อดัม แซนด์เลอร์, ทิม อัลเลน, สตีเว่น บัลด์วิน ฯลฯ ก็ยังไม่สามารถสวนกระแสได้ไหว ต่างพากันเงียบกริบ ไม่ออกมาสนับสนุน รวมไปถึงแรปเปอร์คนดังอย่าง คานเย่ เวสต์ ที่ถือได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวฉกาจ ก็ยังต้องออกมาร่วมเรียกร้องเรื่องของจอร์จ พร้อมทั้งโพสต์ภาพสีดำ แสดงออกถึงการร่วมแคมเปญ #blackouttuesday เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
แถมที่ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาคนดังของคานเย่ อย่างคิม คาร์ดาเชี่ยน และพี่ๆ น้องๆ ของเธอยังออกมาสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ อย่างแข็งขัน ทั้งแชร์ความสะเทือนใจต่อการตายของจอร์จ ทั้งช่วยแชร์ช่องทางการบริจาคให้กับกลุ่มผู้ประท้วง เรียกได้ว่าออกมายืนฝั่งตรงข้ามกับทรัมป์อย่างชัดเจน ซึ่งการแสดงออกของคิมในครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองของเธอ จากที่ปกติจะเห็นสาวคิมควงแขนคานเย่ เข้าร่วมงานกาล่าของทรัมป์อยู่ไม่ขาด รวมถึงแสดงความคิดเห็นสนับสนุนประธานาธิบดีคนนี้อยู่บ่อยครั้ง และการออกมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทรัมป์ครั้งนี้ของเธอ ก็เป็นการส่อให้เห็นถือการไม่ลงรอยกันของคู่รักมหาเศรษฐีคู่นี้ ที่มีข่าวลือว่ากำลังมีปัญหาชีวิตคู่ โดยช่วงระยะเวลาเก็บตัวหลีกเลี่ยงโควิดที่ต้องอยู่ติดบ้านตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะอยู่บ้านเดียวกันแต่ก็แทบไม่พบหน้ากัน โดยต่างเลือกอยู่คนละฝั่งปีกของบ้าน ข่าวว่าคิมหงุดหงิดกับการที่ต้องทำตัวเป็นแม่ดูแลลูกๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่พอใจที่คานเย่ ไม่ช่วยเธอ รวมไปถึงความเจ้ากี้เจ้าการของคานเย่ก็ทำให้เธออึดอัด
ไม่รู้ว่าการแสดงออกทางการเมืองที่เลือกอยู่กันคนละขั้วแบบนี้ จะทำให้ความรักของทั้งคู่ย่ำแย่ไปมากกว่าเดิมแค่ไหน จะหาทางออกที่ลงตัวได้ หรือว่าจะทำให้คานเย่ต้องเสียคนข้างกายไปอีกคน หลังจากได้เสียมิตรภาพดีๆ ของเพื่อนรักอย่าง จอห์น ลีเจนด์ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
โดยคู่เพื่อนรักนักร้องดังผิวสีคู่นี่ ที่แต่ก่อนสนิทสนมกัน แต่มาตอนนี้กลับกลายเหมือนเป็นคนไม่รู้จัก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า จอห์น เป็นหนึ่งในคู่กัดที่ทรัมป์ไม่ชอบขี้หน้ามากที่สุดคนหนึ่ง โดยการยืนคนละขั้วฝั่งทางการเมืองนี้ทำให้ทั้งคู่ค่อยๆ ห่างกันไป โดยก่อนหน้านี้จอห์นเคยบอกว่า เขากับคานเย่ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ก็ไม่ค่อยคุยกันเรื่องการเมือง จะคุยกันเรื่องงาน ดนตรี และเรื่องอื่นๆ มากกว่า แต่ในบทสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดนี้เขาได้ออกมาอัพเดตถึงมิตรภาพของเขากับคานเย่ ว่าเขาทั้งคู่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้ว “ตอนนี้เรายืนกันอยู่คนละจุดแล้ว”
