รัสเซียทูเดย์ - ความเคลื่อนไหวประท้วงเหตุเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ลุกลามบานปลายสู่ระดับนานาชาติ เมื่อผู้คนหลายร้อยคนไหลบ่าสู่ท้องถนนในกรุงลอนดอน และกรุงเบอร์ลิน เพื่อประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมของตำรวจสหรัฐฯ
พวกผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติ” ดังกึกก้องในเมืองหลวงของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ในระหว่างที่เดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสหรัฐฯ ในลอนดอน บางส่วนหยุดที่จัตุรัสทราฟัลการ์และคุกเข่าลง เลียนแบบ โคลิน เคเปอร์นิก กีฬาอเมริกันฟุตบอล ซึ่งแสดงจุดยืนว่าคนทุกสีผิวควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
“มันเป็นสิ่งทรงพลังที่ผู้คนออกมา ไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ มันไมใช่แค่ประเด็นผิวสี แต่เป็นมันเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมนุษย” ผู้ประท้วงคนหนึ่งนามว่า สกอตต์ ให้สัมภาษณ์กับรัสเซียทูเดย์
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวประท้วงในลอนดอนมีความรุนแรงน้อยกว่าในสหรัฐฯ มาก โดยตำรวจนครบาลลอนดอนทำการจับกุมผู้ชุมนุมไป 5 คน โดย 2 คนถูกคุมตัวฐานทำร้ายเจ้าหน้าที่ ส่วนอีก 3 คนถูกจับฐานละเมิดคำแนะนำมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
ในเมืองหลวงของเยอรมนี ฝูงชนหลายร้อยคนก็รวมตัวอยู่ด้านนอกสถานทูตสหรัฐฯ ชูป้ายข้อความว่า “คืนความยติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์” และ “ขอให้เราหายใจด้วยเถิด”
“เราสัญญาว่าเด็กๆ ผิวสีที่น่ารักจะไม่ต้องมาตายแบบนี้อีกในอนาคต พวกเขาต้องมาตายเพียงเพราะเราปล่อยให้มันผ่านเลยไป เราเอาแต่ร้องไห้และคร่ำครวญ หรือโพสต์ข้อความ แต่ไม่ยอมทำอะไรจริงๆ จังๆ” แกนนำผู้ประท่วงคนหนึ่งในเบอร์ลินกล่าวผ่านโทรโข่ง
จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ถูก ดีเร็ค โชวิน ตำรวจมินนีอาโปลิส เข้าจับกุมเขา โดยใช้เข่ากดคอเกือบ 9 นาที จนขาดอากาศหายใจ เมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.) ที่แล้ว และมันกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รื้อฟื้นและโหมกระพือความคลั่งแค้นในเรื่องที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับคนอเมริกันผิวสีที่ไม่มีอาวุธครั้งแล้วครั้งเล่าในอเมริกา
การตายของ ฟลอยด์ จุดชนวนประท้วงลุกลามบานปลายกลายเป็นจลาจลใหญ่ทั่วสหรัฐฯ โดยประชาชนไหลบ่าสู่ท้องถนนในเมืองต่างๆ ทั้งในมินนีอาโปลิส, นิวยอร์ก, แอตแลนตา, พอร์ตแลนด์, ชิคาโก และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง
นอกจากในลอนดอน และเบอร์ลิน ยังมีรายงานพบเห็นการชุมนุมสนับสนุนผู้ประท้วงสหรัฐฯ ในอีกหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย
