รอยเตอร์ - รถบรรทุกน้ำมันซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังชุมนุมประท้วงบนสะพานใกล้กับเมืองมินนีอาโพลิส เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เคราะห์ดีไม่มีใครถูกชนบาดเจ็บ ขณะที่คนขับรถถูกกลุ่มผู้ประท้วงลากลงมารุมประชาทัณฑ์อ่วม
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถบรรทุกคันนี้ขับห้อตะบึงมาแต่ไกล พร้อมกับบีบแตรลั่นใส่ประชาชนที่ยืนอยู่เต็มสะพานบนทางหลวงอินเทอร์สเตท 35 ซึ่งเวลานั้นถูกปิดการจราจรอยู่ ทำให้ผู้คนวิ่งแตกฮือหนีเอาชีวิตรอด ก่อนที่คนขับจะหยุดรถและถูกผู้ชุมนุมที่โกรธแค้นลากตัวลงมารุมทำร้าย
สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งเมืองมินนีอาโพลิส แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า “เป็นการกระทำที่แย่มากของคนขับรถบรรทุกรายหนึ่งบนถนน I-35W ซึ่งสร้างความโกรธแค้นต่อประชาชนที่กำลังชุมนุมอย่างสันติ... คนขับได้รับบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไม่รุนแรงนัก เขาถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว ส่วนผู้ประท้วงดูเหมือนจะไม่มีใครถูกรถชน”
เหตุระทึกครั้งนี้นับเป็นความรุนแรงล่าสุดที่เกิดขึ้น ในขณะที่ความไม่สงบกำลังปะทุขึ้นทั่วสหรัฐฯ ภายหลังการเสียชีวิตของ ‘จอร์จ ฟลอยด์’ หนุ่มผิวสีซึ่งถูกตำรวจมินนีแอโพลิสเข้าจับกุมและใช้เข่ากดคอเขาเอาไว้นานเกือบ 9 นาทีจนขาดใจตายเมื่อวันที่ 25 พ.ค
การตายของฟลอยด์ ได้กลายเป็นชนวนให้ผู้คนออกมาประท้วงความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติ และความทารุณโหดร้ายของตำรวจสหรัฐฯ ต่อคนผิวสี
ผู้ประท้วงได้ทุบกระจกและจุดไฟเผาอาคารเมื่อค่ำวันเสาร์ (30 พ.ค.) ขณะที่ตำรวจต้องยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนในหลายเมือง และมีรายงานว่าผู้สื่อข่าวถูกทำร้ายร่างกาย
ที่นครนิวยอร์ก ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงประมาณ 350 คน ในค่ำคืนวันเสาร์ (30) และมีเจ้าหน้าที่ 30 นายบาดเจ็บเล็กน้อยจากเหตุปะทะ ขณะที่ บิล เดอ บลา ซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ยืนยันว่ากำลังมีการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ รวมถึงคลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นรถเอสยูวีตำรวจ 2 คันพุ่งใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ย่านบรุกลิน