ขณะที่เมืองใหญ่ๆ ในอเมริกันจำนวนมากเกิดเหตุประท้วงและการปะทะกันอย่างโกรธเกรี้ยวช่วงสุดสัปดาห์นี้ สื่อมวลชนภาครัฐของจีนได้ที พากันเล็งเป้าเล่นงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเปรียบเทียบกับความไม่สงบในฮ่องกง ซึ่งเกิดจากขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปีที่แล้ว
ปักกิ่งโกรธเกรี้ยวมานานแล้ว จากการวิพากษ์วิจารณ์ของพวกประเทศตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ในเรื่องที่จีนจัดการกับการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยซึ่งเขย่าเกาะฮ่องกงอย่างรุนแรงเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา
และขณะที่ความไม่สงบกำลังปะทุขึ้นทั่วสหรัฐฯ สืบเนื่องจากความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติและความทารุณโหดร้ายของตำรวจ ภายหลังการเสียชีวิตระหว่างถูกจับกุมของชายผิวดำที่ปราศจากอาวุธผู้หนึ่งในเมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินนิโซตา เหล่าโฆษกรัฐบาลและสื่อทางการจีนต่างออกมาใช้เรื่องนี้โจมตีเล่นงานเอาคืนพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบชาวอเมริกัน
สื่อจีนยังเผยแพร่คลิปวิดีโอที่บ่งชี้ให้เห็นว่าตำรวจฮ่องกงนั้น “บันยะบันยัง” กว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับการกระทำของตำรวจที่เห็นอยู่ในสหรัฐฯเวลานี้
“ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี ครั้งหนึ่งเคยเรียกการประท้วงรุนแรงในฮ่องกงว่า เป็น ‘ภาพอันสวยงามที่ได้เห็นเป็นบุญตา’ (a beautiful sight to behold) ... พวกนักการเมืองสหรัฐฯตอนนี้สามารถชื่นชมภาพเช่นนี้ได้จากหน้าต่างของพวกเขาเองแล้ว” หู ซีจิน บรรณาธิการใหญ่ของโกลบอลไทมส์ แทบลอยด์แนวชาตินิยมที่อยู่ในเครือของเหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนเอาไว้เช่นนี้ในวันเสาร์ (30 พ.ค.)
มันเหมือน “ราวกับว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง พวกก่อจลาจลหัวรุนแรงในฮ่องกงได้แอบลักลอบเข้าไปในสหรัฐฯ และสร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นมาเหมือนกับที่พวกเขาได้เคยทำในปีที่แล้ว” เขาเขียนต่อ
จีนยืนยันว่า ต้องประณาม “กำลังต่างชาติ” ที่สร้างความวุ่นวายขึ้นในฮ่องกง ซึ่งมีผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ปักกิ่งบอกว่าเป็น “พวกก่อจลาจล” ชุมนุมเดินขบวนกันบางครั้งเป็นเรือนล้านคนนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และบ่อยครั้งเกิดการปะทะรุนแรงกับตำรวจ
ปักกิ่งยังก่อให้เกิดความกริ้วโกรธและความวิตกกังวลในเดือนพฤษภาคม ด้วยแผนการที่จะบังคับใช้กฎหมายฉบับหนึ่งต่อฮ่องกง โดยระบุว่า มีความจำเป็นเพื่อพิทักษ์ปกป้องความมั่นคงแห่งชาติและขจัดปราบปราม “การก่อการร้าย” ทำให้บรรดานักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและชาติตะวันตกพากันออกมาประณามว่าเป็นความพยายามที่จะลิดรอนเสรีภาพซึ่งมีอยู่ในฮ่องกง
หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันศุกร์ (29) ว่า เขาจะถอดถอนสิทธิพิเศษต่างๆ ซึ่งสหรัฐฯให้แก่ฮ่องกง ไชน่าเดลี่ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนก็ได้ตีพิมพ์บทวิจารณ์ชิ้นหนึ่งในวันอาทิตย์ (31) กล่าวว่า พวกนักการเมืองสหรัฐฯเพ้อฝันที่จะทำให้จีนตกเป็นเหยื่อ
“เลิกฝันอย่างนั้นจะดีกว่า และหันกลับมาสู่ความเป็นจริง” บทวิจารณ์นี้กล่าว
“ความรุนแรงกำลังแพร่ลามไปทั่วสหรัฐฯ ... พวกนักการเมืองสหรัฐฯควรต้องทำงานของพวกเขา และช่วยแก้ไขปัญหาในสหรัฐฯ แทนที่จะพยายามสร้างปัญหาและความยุ่งยากใหม่ในประเทศอื่นๆ”
ทางด้าน หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ออกมาเล็งเป้าเล่นงานวอชิงตันเช่นเดียวกัน
“ฉันหายใจไม่ออก” เธอโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ โดยที่มีภาพประกอบเป็นข้อความที่เคยทวิตโดย มอร์แกน ออร์ตากุส โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในเรื่องนโยบายต่อฮ่องกง
คำที่โฆษกจีนผู้นี้โพสต์ คือคำพูดของ จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งจากคลิปวิดีโอที่มีผู้บันทึกไว้จะได้ยินเขาพูดซ้ำๆ เช่นนี้หลายหนก่อนเสียชีวิต ขณะถูกตำรวจมินนิแอโปลิสผู้หนึ่งใช้เข่าหนีบคอของเขาเอาไว้เป็นเวลาเกือบ 9 นาที และเหตุการณ์นี้เป็นชนวนทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นทั่วสหรัฐฯในปัจจุบัน
ช่วงสุดสัปดาห์นี้ สื่อจีนยังได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความรุนแรงของตำรวจในสหรัฐฯ พร้อมกับติดแฮชแท็กว่า “ตำรวจฮ่องกงบันยะบันยังขนาดไหน” ทาง “เว่ยปั๋ว” แพลตฟอร์มสื่อสังคมของจีนที่มีลักษณะคล้ายๆ กับทวิตเตอร์
คลิปหนึ่งที่โพสต์โดยเหรินหมินรึเป้าเมื่อวันอาทิตย์ (31) เปรียบเทียบการที่ โอมาร์ จิเมเนซ ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น ถูกตำรวจจับกุมคาจอทีวี ขณะเขากำลังรายงานข่าวความไม่สงบในมินนิแอโปลิสเมื่อวันศุกร์ (29) กับภาพตำรวจฮ่องกงที่ดูเหมือนถอยห่างออกจากบุคลากรด้านสื่อคนหนึ่งในเหตุการณ์ที่ฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว
พร้อมกันนั้น ก็มีแคปชันบรรยายว่า “พวกผู้สื่อข่าวใช้อัตลักษณ์ด้านวิชาชีพของพวกตนเพื่อขัดขวางการบังคับใช้กฎหมาย”