เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวไม่สนคำเตือนผู้เชี่ยวชาญ ส่งยาต้านมาเลเรียให้บราซิลใช้รักษาผู้ป่วยโควิด โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตในแดนแซมบ้าทะยานขึ้นอันดับ 4 ของโลกแล้ว ขณะที่ปักกิ่งโจมตีกรณีที่ทรัมป์ประกาศตัดขาดจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ว่า อเมริกาเสพติดการถอนตัวจากองค์การนานาชาติและการฉีกสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ด้านสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลเตรียมเปิดรับนักเดินทางประเภทธุรกิจจาก 4 ชาติ ที่ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งมีไทยรวมอยู่ด้วย
จากข้อมูลของสำนักข่าวเอเอฟพี ปัจจุบัน ภูมิภาคละตินอเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 1 ล้านคน ซึ่งราวครึ่งหนึ่งอยู่ในบราซิลที่ขณะนี้ติดอันดับ 4 ของประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากที่สุด ด้วยตัวเลขกว่า 29,000 คน รองจากสหรัฐฯ, อังกฤษ, และ อิตาลี เท่านั้น
กระนั้น วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 พ.ค.) ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ยังคงออกไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลท่ามกลางผู้สนับสนุนเนืองแน่นโดยไม่สวมหน้ากาก เพื่อย้ำถึงความเชื่อของเขาที่ว่า ไวรัสโคโรนาไม่น่ากลัว
ขณะนี้ ละตินอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของโลก นอกจากบราซิลแล้ว ที่ชิลีมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 1,000 คน เมื่อวันอาทิตย์ หลังจากยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นปุบปับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในภูมิภาคนี้
ส่วนเปรูมีผู้เสียชีวิต 4,500 คน ขณะที่โบลิเวียเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดในวันจันทร์ (1) อย่างไรก็ดี 4 ใน 9 เขตประกาศว่า จะฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวและขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไป
ทางด้านสหรัฐฯที่พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา 598 คน รวมเป็นกว่า 104,000 คนในวันอาทิตย์ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผชิญเสียงวิจารณ์รุนแรงจากการประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ว่า จะยุติการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกเป็นการถาวร รวมทั้งถอนตัวจากองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติแห่งนี้ โดยกล่าวหาว่า ฮูใช้ความพยายามไม่เพียงพอในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาแต่เนิ่นๆ แถมทำตัวเป็นหุ่นเชิดของจีน ประเทศแรกที่พบการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ในวันจันทร์ เจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน ว่า นานาชาติไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทรัมป์ และมองว่า เป็นพฤติกรรมความเห็นแก่ตัวของอเมริกา
เจ้าสำทับว่า วอชิงตันเสพติดการถอนตัวจากกลุ่มความร่วมมือต่างๆ และการฉีกสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ ทำเนียบขาวยังเพิกเฉยต่อแนวทางของฮู และผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ด้วยการจัดส่งยาไฮดรอกซีคลอโรควิน 2 ล้านชุด และเครื่องช่วยหายใจ 1,000 เครื่องให้บราซิลใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ประกาศสนับสนุนให้ใช้ยานี้ซึ่งเป็นยาต้านมาเลเรีย มารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งที่ฮูและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากระบุว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า สามารถใช้ได้ แถมยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงถึงชีวิตก็ตาม
ด้านยุโรป ขณะที่สถานการณ์ในหลายประเทศผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน แต่สำหรับบางประเทศก็ยังวางใจไม่ได้
ตัวอย่างเช่นรัสเซียที่รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 9,035 คน รวมเป็น 414,878 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 162 คน เป็น 4,855 คน
ที่เอเชีย จีนที่ดูเหมือนควบคุมการระบาดอยู่หมัดก่อนประเทศอื่นๆ พบเคสใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อวันอาทิตย์ อย่างไรก็ดี ทั้ง 16 คน เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และ 11 คนในจำนวนนี้อยู่ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เทียบกับวันเสาร์ที่พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 2 คน และเดินทางมาจากต่างประเทศทั้งคู่
รวมแล้วจีนมีผู้ติดเชื้อสะสม 83,017 คน และผู้เสียชีวิต 4,634 คน
วันอาทิตย์ ฮ่องกงยืนยันพบผู้ติดเชื้อภายในท้องถิ่น 2 คนแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 1,085 คน และเสียชีวิต 4 คน
ครั้งล่าสุดที่ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อใหม่จากการระบาดในท้องถิ่น คือ วันที่ 14 พฤษภาคม เป็นชายวัย 62 ปี ที่ไม่มีประวัติการเดินทาง
ส่วนที่ญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุงรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางประเภทธุรกิจจากประเทศที่ควบคุมโควิด-19 ได้แล้ว ได้แก่ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขของไทยแถลงในวันจันทร์ว่า ประเทศไทยยังคงปิดน่านฟ้าจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ตอนนี้จึงยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาหรือออกไปญี่ปุ่นได้ แต่หากมีการเปิดให้เดินทางไปได้ในเวลาต่อไป ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยง เพราะญี่ปุ่นยังคงมีรายงานผู้ป่วยอยู่ และเมื่อเดินทางกลับไทยก็ต้องเข้าสู่การกักกันตัว 14 วัน
ทั้งนี้ จนถึงเช้าวันจันทร์ ญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้อสะสมราว 17,000 คน เสียชีวิตประมาณ 900 คน