รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยื่นคำขู่ในวันจันทร์ (18 พ.ค.) ว่า จะตัดเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) “อย่างถาวร” และจะพิจารณานำสหรัฐฯ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิก โดยยื่นคำขาดให้หน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ต้องปรับปรุงการทำงานให้ “เป็นอิสระจากจีน” ภายใน 30 วัน
ทรัมป์ สั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับการจ่ายเงินอุดหนุน WHO ในเดือน เม.ย. โดยกล่าวหาว่ามีส่วนเผยแพร่ “ข้อมูลเท็จ” จากจีนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ WHO ต่างออกมาปฏิเสธข้อครหา ส่วนจีนก็ยืนยันว่าเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างแบบโปร่งใส
“ถ้า WHO ยังไม่ยอมแก้ไขปรับปรุงการทำงานขนานใหญ่ภายใน 30 วัน ผมก็จะเปลี่ยนการระงับเงินอุดหนุนชั่วคราวให้กลายเป็นถาวร และจะทบทวนสมาชิกภาพของเราด้วย” ทรัมป์ ระบุในจดหมายถึง เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ซึ่งเขานำมาโพสต์ลงทวิตเตอร์
ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ ได้ออกมาโจมตี WHO ว่า มีแนวทางตอบสนองโรคระบาดใหญ่โควิด-19 “ที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง” และขู่จะสั่งให้สหรัฐฯ ระงับเงินอุดหนุนองค์กรแห่งนี้
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุในจดหมายว่า ทางเลือกเดียวสำหรับ WHO คือ ต้อง “แสดงความเป็นอิสระจากจีน” และยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้หารือเรื่องมาตรการปฏิรูปต่างๆ กับ เทดรอส บ้างแล้ว
องค์การอนามัยโลกประกาศวานนี้ (18) ว่าจะเริ่มเปิดการสืบสวนอย่างอิสระในเรื่องมาตรการรับมือโควิด-19 ทั่วโลกโดยเร็วที่สุด พร้อมเผยว่าจีนซึ่งเป็นจุดกำเนิดของโรคระบาดรับปากจะสนับสนุนเงินทุนมหาศาลให้แก่ WHO
WHO ซึ่งเป็นองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัคซีนที่ได้ผลและปลอดภัย, การทดสอบ, รวมถึงการคิดค้นตัวยาเพื่อป้องกัน วินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยโควิด-19
จากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกเพิ่มเป็นกว่า 4.8 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 318,554 คน
สหรัฐอเมริกาถือเป็นชาติผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของ WHO โดยจ่ายเงินอุดหนุนกว่า 400 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 หรือคิดเป็นราวๆ 15% ของเงินทุนทั้งหมดที่องค์กรแห่งนี้ได้รับ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลทรัมป์เผยเมื่อเดือน เม.ย. ว่า สหรัฐฯ จ่ายเงินให้กับ WHO ไปแล้วประมาณ 58 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ หรือราวๆ ครึ่งหนึ่งของวงเงินสมทบ (assessed contribution) ที่ต้องจ่ายในปี 2020
อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้วสหรัฐฯ มักจะบริจาคเงินโดยสมัครใจเพิ่มให้แก่ WHO ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการที่เฉพาะเจาะจง เช่น การกำจัดโรคโปลิโอ, โรคที่มีวัคซีนป้องกันได้, เอชไอวีและตับอักเสบ, วัณโรค, การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก และสุขภาพคนวัยหนุ่มสาว เป็นต้น