เอเอฟพี - ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจไม่มีวันหายไปจากโลก และพลเมืองทั่วโลกจำเป็นต้องเรียนรู้ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน จากคำเตือนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันพุธ (13 พ.ค.)
แม้บางประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งกำหนดออกมาเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่องค์การอนามัยโลกเตือนว่าบางทีมันอาจไม่มีวันสูญหายไปจากโลกโดยสิ้นเชิง
โคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อช่วงปลายปีก่อน และนับตั้งแต่นั้นมันได้แพร่เชื่อสู่ประชาชนมากกว่า 4.2 ล้านคนทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 300,000 ศพ
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการสาธารณสุขฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ระบุในวันพุธ (13 พ.ค.) ว่า “เรามีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เข้าสู่ประชากรมนุษย์เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้น มันจึงยากมากๆ ที่จะคาดเดาว่าเมื่อไหร่ที่เราจะมีชัยชนะเหนือมัน” เขากล่าว “บางทีไวรัสอาจกลายเป็นอีกหนึ่งไวรัสท้องถิ่นในชุมชนของเราและไวรัสนี้อาจไม่มีวันหายไป เอชไอวีก็ไม่เคยหายไป แต่เราจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับมัน”
คำพูดของไรอัน สวนทางกับความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับแนวทางรับมือกับการแพร่ระบาด โดยทรัมป์บอกก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะหายไปเองในที่สุดแม้โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกันก็ตาม
มนุษย์กว่าครึ่งค่อนโลกต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นับตั้งแต่วิกฤตไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่เริ่มขึ้น แต่องค์การอนามัยโลกเตือนไม่มีทางรับประกันได้ว่าการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ จะไม่จุดชนวนการแพร่ระบาดระลอกสอง
“หลายประเทศอยากออกจากมาตรการต่างๆ ในแนวทางที่ต่างกันออกไป” เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกล่าว “แต่เราขอแนะนำให้ยังคงความระมัดระวัง ไม่ว่าประเทศใดก็ตามควรระมัดระวังขั้นสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ในประเด็นนี้ ไรอันกล่าวเสริมว่า “หนทางยังอยู่อีกยาวไกลในเส้นทางคืนสู่ภาวะปกติ” พร้อมเน้นย้ำว่าประเทศต่างๆ จำเป็นต้องรักษาแนวทางระมัดระวังเอาไว้ “มีบางคนกำลังคิดว่าล็อกดาวน์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบและการปลดล็อกดาวน์จะออกมายอดเยี่ยม แต่ทั้งสองจะเต็มไปด้วยอันตราย”
