เอเจนซี - สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เชื่อว่า จีนพยายามกดดันองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ให้รีบประกาศว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น ‘ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ’
นิตยสารข่าวนิวสวีค (Newsweek) ซึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ระบุว่า ซีไอเอได้แจ้งไว้ในรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งว่า รัฐบาลจีนเคยขู่จะระงับความร่วมมือกับ WHO หากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเริ่มแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ถูกประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก
จีนเริ่มพบผู้ติดเชื้อไวรัสปอดอักเสบปริศนาในเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว และขณะนี้ไวรัสได้แพร่กระจายไปยังกว่า 180 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตกว่า 290,000 คนทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ด้วยยอดผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศกว่า 1.4 ล้านคน เสียชีวิตแล้วกว่า 83,000 คน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีจีนเรื่องมาตรการตอบสนองโรคระบาด ซึ่งเขาอ้างว่า เป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจอเมริกาล้มพังพาบ ทรัมป์ยังถึงขั้นคาดเดากว่าไวรัสมฤตยูนี้เป็นผลมาจากการทดลองที่ผิดพลาดภายในห้องแล็บที่เมืองอู่ฮั่น
รายงานของซีไอเอซึ่งกล่าวหาจีนว่า จงใจปฏิเสธความรุนแรงของเชื้อไวรัสในช่วงแรกๆ มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นชนวนขัดแย้งจุดใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง
นิวสวีคชี้ว่า นี่คือ ข่าวกรองฉบับที่ 2 ที่บ่งบอกว่า จีนพยายามชี้นำการตอบสนองของ WHO ต่อโรคระบาดโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานข่าวกรองของเยอรมนี ระบุว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง พยายามใช้อิทธิพลส่วนตัวแทรกแซงไม่ให้ WHO ประกาศการอุบัติขึ้นของโรคระบาดใหญ่ (pandemic)
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ WHO ยืนยันว่า หน่วยงานสาธารณสุขยูเอ็นแห่งนี้ “ไม่ได้ทำตามคำสั่งใคร” และยังปฏิเสธข่าวที่ว่า เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เคยหารือกับ สี ในเดือน ม.ค.
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถูกประกาศให้เป็นโรคระบาดใหญ่ในวันที่ 30 ม.ค. หลังจากที่ WHO ยอมรับว่า มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ผอ.WHO ก็ออกมาย้ำหลายครั้งหลายหนว่า จีนไม่สมควรถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุทำให้โลกต้องเผชิญการระบาดที่แพร่หลายและรุนแรงขนาดนี้
ทรัมป์ มีคำสั่งให้สหรัฐฯ ตัดเงินอุดหนุน WHO โดยอ้างว่าองค์กรแห่งนี้ตอบสนองโรคระบาดล่าช้า และ “เข้าข้างจีนมากเกินไป”