เอเอฟพี - วันนี้ (12 พ.ค.) ปักกิ่งสั่งห้ามการนำเข้าเนื้อวัวจากบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ 4 แห่งจากออสเตรเลีย เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังเอกอัครราชทูตของจีนออกมาเตือนว่า ผู้บริโภคอาจบอยคอตเพื่อตอบโต้การที่แคนเบอร์ราผลักดันให้มีการสอบสวนต้นตอของไวรัสโคโรนา
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (12 พ.ค.) ว่า รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย ไซมอน เบอร์มิงแฮม (Simon Birmingham) แถลงว่า สินค้าเนื้อสัตว์จากบริษัทผู้ผลิต 4 แห่ง ได้ถูกยกเลิกชั่วคราว เนื่องมาจากปัญหาด้านเทคนิกในส่วนย่อยที่ว่าด้วยการละเมิดเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการรับรองฉลากสินค้าและด้านสุขภาพจีน
“พวกเรารู้ถึงการถูกสั่งแขวนไว้ชั่วคราวที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับปัญหาเชิงเทคนิกเป็นส่วนใหญ่ ที่บางอย่างมันย้อนไปไกลมากกว่า 1 ปี” เบอร์มิงแฮม กล่าว
และเสริมต่อว่า “เราจะทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ทั้งของออสเตรเลียและจีน เพื่อหาทางออกที่จะทำให้ธุรกิจกลับมาเดินได้ตามปกติให้เร็วที่สุด”
ทั้งนี้ พบว่า ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ทั้ง 4 แห่งของออสเตรเลีย คิดเป็นสัดส่วน 35% ของเนื้อวัวส่งออกของออสเตรเลียไปยังจีน และมีมูลค่าทางการค้า 1.7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.1 พันล้านดอลลาร์) อ้างอิงจากเอบีซีนิวส์ออสเตรเลีย
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงถึงสาเหตุการยกเลิกนำเข้าเนื้อวัวจากบริษัทออสเตรเลีย 4 แห่งชั่วคราว เนื่องมาจากละเมิดในข้อกำหนดการกักกันและการตรวจสอบ
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ยังได้ประณามไปยังออสเตรเลียถึงการเรียกร้องให้มีการสอบสวนโรคโควิด-19 ว่า “ผิดทั้งคำพูดและการกระทำ” พร้อมเตือนไปถึงการใช้วิกฤตโรคระบาดเพื่อการชักใยทางการเมือง
แต่ทางโฆษกได้ออกมายืนยันปฏิเสธที่จะเชื่อมโยงระหว่างจีนสั่งยกเลิกการนำเข้าเนื้อวัวออสเตรเลียชั่วคราว และการออกมาผลักดันการสอบสวนหาต้นตอวิกฤตโควิด-19 ของแคนเบอร์รา ว่า “ไม่เกี่ยวข้องกัน”
นอกจากนี้ ยังพบว่าจีนกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาสั่งเพิ่มภาษีนำเข้าจำนวนมากต่อบาร์เลย์ของออสเตรเลีย โดยอ้างว่าทางแคนเบอร์ราพยายามที่จะทุ่มตลาดใส่จีนด้วยการขายในราคาที่ต่ำกว่าทุนการผลิต โดยหนังสือพิมพ์ออสเตรเลียน ไฟแนนเชียล รีวิว รายงานเดือนที่แล้วโดยอ้างอิงจากเอกสารลับที่กล่าวว่าจีนกำลังพิจารณาจะขึ้นภาษี 73.6%
ความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเพิ่มขึ้นหลังออสเตรเลียได้ออกมาเรียกร้องให้ตั้งชุดหน่วยงานอิสระเพื่อสอบสวนต้นตอของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย เป็นครั้งแรก