เอเจนซีส์ - โมเดลการวิจัยของนักวิชาการอเมริกันหลายชิ้น ชี้ ยอดผู้เสียชีวิตในอเมริกาอาจสูงกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ทรัมป์คาดการณ์ไว้ อาทิ ซีดีซี-หน่วยงานรับมือโรคติดต่อของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะสูงถึงวันละ 200,000 คน ในช่วงกลางเดือนนี้ ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 3,000 คน ขณะที่หมอซึ่งรักษาผู้ป่วยโควิด-19 คนแรกเตือนว่า การผ่อนคลายล็อกดาวน์จะทำให้ไวรัสกลับมาอีกรอบในระดับความรุนแรงที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม และที่น่าเป็นห่วง คือ อเมริกามีทรัพยากรเหลือพอรับมือการระบาดรอบสองได้มากน้อยแค่ไหน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวผ่านทีวีฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) ว่า อเมริกาจะมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ระหว่าง 75,000-100,000 คน และสำทับว่า หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่กำลังทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 1.2 ล้านคนเป็นอย่างน้อย
ถึงแม้ตัวเลขใหม่ของทรัมป์ จะปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 60,000-70,000 คน ที่เขาเคยคาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังถูกมองกันว่ามีแนวโน้มต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ จำนวนผู้เสียชีวิตในอเมริกาเพิ่งผ่านหลัก 68,000 คน และตลอดเดือนเมษายนพบเคสใหม่วันละประมาณ 30,000 คน นอกจากนั้น หลายรัฐของอเมริกายังเริ่มผ่อนผันมาตรการล็อกดาวน์ก่อนที่จะสามารถควบคุมการระบาดได้
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวให้ตัวเลขประมาณการผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เอาไว้ที่ระหว่าง 100,000-240,000 คน
ทว่า รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์เมื่อวันจันทร์ (4) ที่อ้างอิงจากเอกสารภายในของศูนย์กลางเพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่คาดว่าจะสูงถึงวันละ 200,000 คน ตั้งแต่กลางเดือนนี้จนถึงวันที่ 1 เดือนหน้า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าตัว คือเป็นวันละ 3,000 คน
เวลาเดียวกัน นิโคลัส เรช ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาชีวสถิติ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในอเมริกาจะแตะหลัก 100,000 คน ในราวต้นเดือนมิถุนายน
ห้องวิจัยของเรชศึกษาจากโมเดลสำคัญหลายโมเดลและได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกราฟประเมินพัฒนาการการระบาดโดยเฉลี่ย ซึ่งบ่งชี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในอเมริกาอาจถึง 90,000 คน ภายในวันที่ 23 พฤษภาคม
กระนั้น ดูเหมือนชาวอเมริกันจำนวนมากตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ยอมอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อีกต่อไป ทั้งนี้ จากข้อมูลการสอบถามความคิดเห็นแบบไม่เปิดเผยตัวตนบนแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ และการวิเคราะห์ของสถาบันเพื่อการตรวจสอบและประเมินสุขภาพ (ไอเอชเอ็มอี) ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้ กล่าวว่า หลายรัฐเริ่มมีการเคลื่อนย้ายของประชาชนมากขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งรักษาระยะห่างทางสังคม และความเคลื่อนไหวนี้ที่เกิดขึ้นในช่วง 10 วัน หรือสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ไอเอชเอ็มอีที่เคยถูกวิจารณ์ว่า มองโลกแง่ดีเกินไป เวลานี้ได้ทบทวนแก้ไขการคาดการณ์เดิม โดยในส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตภายในวันที่ 4 สิงหาคม ได้ปรับจาก 72,000 คน เป็น 134,000 คน อีกทั้งคาดว่า จะถึงหลัก 100,000 คน ในวันที่ 21 พฤษภาคม
สำหรับรายงานภายในของซีดีซี ซึ่งมีการอ้างอิงโมเดลต่างๆ รวม 9 โมเดล ปรากฏว่า มีอย่างน้อย 3 โมเดลทีเดียวที่คาดว่า ผู้เสียชีวิตจะแตะ 100,000 คน ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งรวมถึง 2 โมเดลของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์ก ขณะที่โมเดลของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตไว้ที่ 113,000 คน ณ วันที่ 1 มิถุนายน
อย่างไรก็ดี นักระบาดวิทยาเตือนว่า แต่ละโมเดลอิงกับสมมติฐานแตกต่างกันไป และองค์ประกอบที่คาดการณ์ยากที่สุดคือ พฤติกรรมของคนในช่วงต่อจากนี้
สำหรับตัวเลขล่าสุดนั้น ถือว่าเป็นข่าวดีอยู่บ้าง โดยตามเว็บไซต์สถานการณ์การระบาดของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุในวันจันทร์ (4) ว่า รอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯจากโควิด-19 จำนวน 1,015 คน ถือเป็นตัวเลขรอบ 1 วันซึ่งต่ำที่สุดในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา
แต่ในอีกด้านหนึ่ง จอร์จ ดิแอซ แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 คนแรกของอเมริกา แสดงความกังวลว่า ภายหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ไวรัสโคโรนาอาจกลับมาระบาดรอบสอง โดยมีความรุนแรงไม่ย่อหย่อนกว่าเดิม และที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นคืออเมริกาจะมีทรัพยากรรับมือการระบาดครั้งใหม่หรือไม่ พร้อมย้ำว่า การเว้นระยะห่างทางสังคม ยังคงเป็นวิธีรับมือโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
นับจากพบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อเดือนมกราคม อเมริกากำลังกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก คือ เกือบ 1.2 ล้านคน และใกล้ๆ 69,000 คนตามลำดับ