เอพี - บรรดาเจ้าหน้าที่สุขภาพทั่วโลก เตือนการ์ดอย่าตก ขณะที่หลายประเทศเดินหน้าแผนปลดล็อกข้อจำกัดเพื่อสกัดไวรัสโคโรนา ย้ำความประมาทอาจทำให้ชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบากหลุดลอยไป
วันพุธ (29 เม.ย.) ทางการเกาหลีใต้เรียกร้องให้ประชาชนคิดทบทวนก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่สุดของประเทศนับจากโควิด-19 ระบาดในเดือนกุมภาพันธ์ รวมทั้งเตือนให้สวมหน้ากากต่อ อย่ากินอาหารร่วมกับผู้อื่น และกักตัวในบ้านหากรู้สึกว่าไม่สบาย
ทางการญี่ปุ่นออกประกาศขอให้ประชาชนงดเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดโกลเด้นวีกที่กำลังจะถึงเช่นกัน
คิม กังลิป รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเกาหลีใต้ ย้ำว่า ต้องไม่ปล่อยให้ความประมาทเพียงเสี้ยววินาที นำไปสู่การแพร่เชื้อสู่คนจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่สองรองจากจีน ที่ไวรัสโคโรนาระบาดรุนแรง อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ขณะนี้ลดลงอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดอีกหลายแห่ง โดยในวันพุธมีการรายงานเคสใหม่เพียง 9 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่เคยมากกว่า 100 คนมานับจากวันที่ 1 เดือนนี้ ทำให้รัฐบาลตัดสินใจผ่อนคลายแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมและเตรียมเปิดโรงเรียน
กำหนดเวลาและวิธีการในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์กำลังเป็นประเด็นถกเถียงทั่วโลก รวมถึงอเมริกาที่บางรัฐตัดสินใจเองในการเริ่มยกเลิกมาตรการจำกัดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คนอเมริกันต้องชั่งใจว่า ควรทำและไม่ควรทำอะไรเพื่อป้องกันสุขภาพและการดำเนินชีวิตของตัวเองและเพื่อนบ้าน
จอช ซานทาร์เปีย ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์เนแบรสกา ระบุว่า ไม่มีวิธีป้องกันไวรัสที่สมบูรณ์แบบ แต่ละคนต้องประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจเองว่า พร้อมรับความเสี่ยงนั้นหรือไม่
จิลล์ ฟอสต์ ชาวรัฐไอโอวา วัย 53 ปี บอกว่า คงยังไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านหลังจากร้านอาหารในชุมชนได้รับอนุญาตให้เปิดในวันศุกร์นี้ (1 พ.ค.) และอยากรู้ว่า ร้านเหล่านั้นจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร เช่น จำกัดที่นั่ง ให้พนักงานสวมหน้ากาก ใช้แก้วและจานแบบใช้แล้วทิ้ง แต่ถึงกระนั้น ฟอสต์คิดว่า ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเพราะการกินข้าวในร้านอาหารสำหรับตนเองยังต้องหมายถึงโอกาสที่จะได้ผ่อนคลายและสังสรรค์ ไม่ใช่การผ่อนคลายเพียงแค่นี้
ทั้งนี้ มีแนวโน้มมากขึ้นว่า ผู้คนจะต้องตัดสินใจในลักษณะดังกล่าวบ่อยขึ้นนับจากนี้ ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังถูกกดดันให้ลงมือฟื้นเศรษฐกิจที่ถูกกระหน่ำจากมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดเริ่มเบาลงแล้ว โดยฝรั่งเศส สเปน และกรีซ เป็นกลุ่มประเทศล่าสุดที่ประกาศโรดแมปในการเริ่มเปิดธุรกิจและโรงเรียนอีกครั้ง
หลังจากผ่อนคลายข้อจำกัด หน่วยงานด้านสาธารณสุขจะจับตาสัญญาณการกลับมาของไวรัสโคโรนาอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น เมื่อวันอังคาร (28) เยอรมนีรายงานพบสัญญาณผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมาบ้าง หลังจากอนุญาตให้ธุรกิจขนาดเล็กบางอย่างเปิดให้บริการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ขาดว่า การผ่อนคลายมาตรการจำกัดเป็นสาเหตุให้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นแน่ๆ แล้ว
ที่สิงคโปร์ที่ได้รับการยกย่องในการรับมือการระบาดในช่วงแรกๆ ทว่า การกลับมาระบาดอีกครั้งในหมู่แรงงานต่างด้าวทำให้รัฐบาลต้องขยายกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ทั่วโลก ขณะนี้มีผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 กว่า 3.1 ล้านคน ซึ่งเกือบหนึ่งในสามอยู่ในอเมริกา ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่กว่า 217,000 คน แต่เชื่อว่าน่าจะสูงกว่านี้มาก ทั้งเนื่องจากหลายประเทศยังมีการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างจำกัด วิธีนับผู้เสียชีวิตที่ต่างกันไปในแต่ละประเทศ รวมทั้งยังมีการปิดบังข้อมูลของบางประเทศ
ที่อเมริกา สถานการณ์ชวนสับสนได้รับการตอกย้ำโดยรัฐจอร์เจีย หลังจากธุรกิจ เช่น ร้านตัดผมและร้านสัก ได้รับอนุญาตเปิดให้บริการอีกครั้ง ทั้งที่คำสั่งงดออกจากบ้านยังคงมีผลจนถึงวันพฤหัสฯ (30)
สำหรับที่ญี่ปุ่น ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการโตเกียว เรียกร้องเมื่อวันพุธให้รัฐบาลต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ รวมทั้งขอให้ประชาชนงดออกจากบ้านและเว้นระยะห่างทางสังคม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในโตเกียวเมื่อเร็วๆ นี้พุ่งทะลุ 100 คนแล้ว