รอยเตอร์ - อาเบะเล็งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในโตเกียว และอีก 6 จังหวัดอย่างเร็วที่สุดในวันอังคาร (7 เม.ย.) เพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ภายในสัปดาห์นี้
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นอยู่ที่เพียงกว่า 3,500 คน และเสียชีวิต 85 คน ห่างไกลจากสถิติในประเทศที่มีการระบาดหนักบางแห่ง แต่การที่ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโตเกียวที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน รวมถึงเคสใหม่ 83 คน ในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ทำให้ประชาชนกังวลมากขึ้น
วันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะบังคับใช้ราว 1 เดือน และอาจเริ่มต้นอย่างเร็วที่สุดในวันอังคาร
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจในการขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และขอให้ธุรกิจหยุดทำการ แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์แบบในหลายประเทศ นอกจากนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่มีมาตรการลงโทษผู้ฝ่าฝืน แต่จะบังคับใช้โดยอาศัยการกดดันของคนในชุมชนและการเคารพคำสั่งของทางการมากกว่า
ชาวญี่ปุ่นกดดันมากขึ้นให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้อาเบะกังวลว่า อาจฉุกละหุกเกินไปโดยอ้างอิงการจำกัดการเคลื่อนย้ายประชาชนและกิจกรรมธุรกิจที่จะส่งผลตามมา
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า ภายในสัปดาห์นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ดูเหมือนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากประชาชน โดยผลสำรวจที่จัดทำโดยสถานีทีบีเอสและเจเอ็นเอ็นนำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 80% เห็นว่า อาเบะควรประกาศมาตรการนี้ ขณะที่ 12% คิดว่า ไม่จำเป็น ส่วนคะแนนนิยมของผู้นำญี่ปุ่นลดลง 5.7% จากเดือนที่แล้ว อยู่ที่ 43.2%
เคนจิ ชิบูยะ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อสาธารณสุขของคิงส์ คอลเลจ ในลอนดอน แสดงความเห็นว่า ญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินช้าเกินไป โดยอ้างอิงจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นในโตเกียว และสำทับว่า น่าจะประกาศไปตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา
ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการโตเกียว เปิดเผยตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า สนับสนุนให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะทำให้ตนสามารถเร่งเร้าประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเคร่งครัดขึ้น
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในคณะกรรมการรับมือไวรัสโคโรนาของรัฐบาล กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจหลีกเลี่ยงสถานการณ์การระบาดรุนแรงได้ด้วยการลดโอกาสการสัมผัสติดต่อระหว่างบุคคลลง 80%
ภายใต้กฎหมายที่ทบทวนแก้ไขในเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ หากโควิด-19 เป็น “อันตรายใหญ่หลวง” ต่อชีวิตประชาชน และหากการระบาดอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ
ยาสึโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และระบุว่า ประชาชนในจังหวัดที่จะบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องหนีไปยังจังหวัดอื่น เนื่องจากจะทำให้ไวรัสยิ่งระบาด
แม้สถานการณ์การระบาดในญี่ปุ่นยังเทียบไม่ติดกับจำนวนผู้ติดเชื้อ 335,000 คน และเสียชีวิตกว่า 9,500 คน ในอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกะทันหันจะทำให้ระบบการรักษาพยาบาลของญี่ปุ่นไม่สามารถรองรับได้
ทั้งนี้ อาเบะต้องขอคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากคณะผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการโตเกียวและจังหวัดอื่นๆ ได้ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีคนแออัดและการออกไปเที่ยวเล่นยามค่ำ รวมทั้งขอให้ทำงานที่บ้าน ซึ่งจะส่งผลดีในระดับหนึ่งในการป้องกันการระบาด แต่อาจไม่มากเท่าที่รัฐบาลต้องการ