รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - มิสซูรีในวันอังคาร (21 เม.ย.) กลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลจีน ในเรื่องการบริหารจัดการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยกล่าวหาว่าแนวทางตอบสนองของจีนต่อการระบาดที่อุบัติขึ้นทีแรกในเมืองอู่ฮั่น ก่อความเสียหายเลวร้ายแก่เศรษฐกิจของมลรัฐนี้
ทางด้านปักกิ่ง เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงตอบโต้เมื่อวันพุธ (22) ว่า ข้อกล่าวหานี้ “ไม่มีอะไรอื่นนอกจากความไร้สาระ” โดยปราศจากพื้นฐานรองรับทั้งในทางข้อเท็จจริงและในทางข้อกฎหมาย
การฟ้องร้องในคดีแพ่งที่ยื่นต่อศาลสหรัฐฯ โดยมี เอริก ชมิตต์ อัยการสูงสุดรัฐมิสซูรี เป็นโจทก์ กล่าวหาจีนหลายๆ ข้อหา รวมทั้งความประมาทเลินเล่อ คำฟ้องยังระบุว่า รัฐมิสซูรีและพลเมืองของรัฐได้รับความลำบากที่อาจมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์จากความเสียหายทางเศรษฐกิจ จึงขอเรียกร้องเงินชดเชย
“รัฐบาลจีนโกหกชาวโลกเกี่ยวกับอันตรายและลักษณะการแพร่เชื้อของโควิด-19 ปิดปากผู้เปิดโปง และแทบไม่ทำอะไรเลยเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรค” ชมิตต์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ระบุในถ้อยแถลงเกี่ยวกับการฟ้องร้องคำนี้ พร้อมสำทับว่า “พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา”
ในคำฟ้องยังกล่าวหารัฐบาลจีนทำให้สถานการณ์โรคระบาดใหญ่เลวร้ายลงไปอีก ด้วยการ “กักตุน” หน้ากากอนามัยและชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นรีพับลิกันเช่นกัน แรกทีเดียวยกย่องชมเชยจีนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สำหรับแนวทางตอบโต้ต่อการแพร่ระบาด ทว่าต่อมาทั้งทรัมป์และเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯคนอื่นๆ ได้หันกลับมาโจมตีปักกิ่ง เป็นต้นว่า เรียกไวรัสโควิด-19 ว่าเป็น “ไวรัสจีน” ยิ่งช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาได้ยกระดับถ้อยคำโวหารในการประณามจีนให้ดุเดือดรุนแรงขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้ ก็มีผู้อ้างสิทธิในนามของพวกเจ้าธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องร้องจีนทำนองเดียวกันนี้มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศให้ความเห็นกับรอยเตอร์ว่ าความพยายามใดๆ ที่จะอาศัยศาลสหรัฐฯเพื่อทำให้จีนต้องรับผิดชอบสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา คงไม่ประสบความสำเร็จ
ทอม กินสเบิร์ก อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยชิคาโก ระบุว่า มีหลักกฎหมายหนึ่งที่เรียกกันว่าหลักความคุ้มกันอำนาจอธิปไตย (sovereign immunity) ซึ่งให้การปกป้องคุ้มครองรัฐบาลต่างชาติอย่างกว้างขวาง จากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลสหรัฐฯ
เขากล่าวด้วยว่า เขาเชื่อว่าการยื่นฟ้องเอาผิดจีนหลายคดีในระยะหลังๆ มานี้ มีจุดมุ่งหมายในทางการเมือง โดยหวังให้เป็นประโยชน์แก่พวกผู้นำพรรครีพับลิกันซึ่งกำลังจะต้องลงเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
“เรากำลังเห็นคนมากมายที่เป็นฝ่ายขวาในทางการเมือง มุ่งโฟกัสไปที่ประเด็นจีน เนื่องจากต้องการปกปิดความผิดพลาดของรัฐบาลสหรัฐฯ เอง”
ตัวทรัมป์เองนั้น ตอนแรกทีเดียวพยายามลดทอนกลบกระแสความหวาดวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสนี้ ซึ่งนับถึงวันอังคาร (21) โควิด-19 ได้คร่าชีวิตประชาชนในสหรัฐฯ ไปแล้วมากกว่า 43,000 ศพ และมีผู้ติดเชื้อกว่า 800,000 คน
นอกจากนั้นยังบังคับให้พวกผู้ว่าการรัฐต่างๆ ต้องประกาศคำสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน จนธุรกิจต่างๆ ต้องปิดทำการ และกิจกรรมทางสังคมก็ต้องยกเลิก ทำให้มีประชาชนถึง 22 ล้านคนยื่นขอเงินสวัสดิการคนว่างงานในรอบเดือนที่ผ่านมา
“ถ้าสหรัฐฯต้องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจีนจริงๆ แล้ว ก็จะต้องกระทำในเวทีระหว่างประเทศ” นี่เป็นความเห็นของ เฌอมีน ไคต์เนอร์ อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศอยู่ที่วิทยาลัยนิติศาสตร์เฮสติงส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในซานฟรานซิสโก
“ศาลสหรัฐฯนั้นไม่มีเขตอำนาจด้านคดีแพ่ง สำหรับการพิจารณาคำฟ้องร้องอ้างสิทธิ์ทำนองนี้”
ในกรุงปักกิ่งวันพุธ โฆษกเกิ่ง ก็แถลงเช่นกันว่า เรื่องที่จีนดำเนินการเกี่ยวกับไวรัสนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของศาลสหรัฐฯ พร้อมกับสำทับว่า จีนได้คอยอัปเดตแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดให้สหรัฐฯทราบตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมเป็นต้นมา
“การให้ร้ายด้วยการฟ้องร้องทำนองนี้ ย่อมไม่ช่วยเหลือการรับมือกับโรคระบาดภายในบ้านของสหรัฐฯเอง แล้วยังไม่เป็นผลดีแก่ความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย” เกิ่ง พูดถึงการฟ้องร้องของรัฐมิสซูรี ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงเมื่อวันพุธ
“สิงที่สหรัฐฯควรกระทำ คือการปฏิเสธและการโยนทิ้งการให้ร้ายด้วยการฟ้องร้องเช่นนี้”
อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศให้ความเห็นกับรอยเตอร์ว่ าความพยายามใดๆ ที่จะอาศัยศาลสหรัฐฯเพื่อทำให้จีนต้องรับผิดชอบสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา คงไม่ประสบความสำเร็จ
ทอม กินสเบิร์ก อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยชิคาโก ระบุว่า มีหลักกฎหมายหนึ่งที่เรียกกันว่าหลักความคุ้มกันอำนาจอธิปไตย (sovereign immunity) ซึ่งให้การปกป้องคุ้มครองรัฐบาลต่างชาติอย่างกว้างขวาง จากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลสหรัฐฯ
เขากล่าวด้วยว่า เขาเชื่อว่าการยื่นฟ้องเอาผิดจีนหลายคดีในระยะหลังๆ มานี้ มีจุดมุ่งหมายในทางการเมือง โดยหวังให้เป็นประโยชน์แก่พวกผู้นำพรรครีพับลิกันซึ่งกำลังจะต้องลงเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
“เรากำลังเห็นคนมากมายที่เป็นฝ่ายขวาในทางการเมือง มุ่งโฟกัสไปที่ประเด็นจีน เนื่องจากต้องการปกปิดความผิดพลาดของรัฐบาลสหรัฐฯ เอง”
ตัวทรัมป์เองนั้น ตอนแรกทีเดียวพยายามลดทอนกลบกระแสความหวาดวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสนี้ ซึ่งนับถึงวันอังคาร (21) โควิด-19 ได้คร่าชีวิตประชาชนในสหรัฐฯ ไปแล้วมากกว่า 43,000 ศพ และมีผู้ติดเชื้อกว่า 800,000 คน
นอกจากนั้นยังบังคับให้พวกผู้ว่าการรัฐต่างๆ ต้องประกาศคำสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน จนธุรกิจต่างๆ ต้องปิดทำการ และกิจกรรมทางสังคมก็ต้องยกเลิก ทำให้มีประชาชนถึง 22 ล้านคนยื่นขอเงินสวัสดิการคนว่างงานในรอบเดือนที่ผ่านมา
“ถ้าสหรัฐฯต้องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจีนจริงๆ แล้ว ก็จะต้องกระทำในเวทีระหว่างประเทศ” นี่เป็นความเห็นของ เฌอมีน ไคต์เนอร์ อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศอยู่ที่วิทยาลัยนิติศาสตร์เฮสติงส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในซานฟรานซิสโก
“ศาลสหรัฐฯนั้นไม่มีเขตอำนาจด้านคดีแพ่ง สำหรับการพิจารณาคำฟ้องร้องอ้างสิทธิ์ทำนองนี้”
ในกรุงปักกิ่งวันพุธ โฆษกเกิ่ง ก็แถลงเช่นกันว่า เรื่องที่จีนดำเนินการเกี่ยวกับไวรัสนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของศาลสหรัฐฯ พร้อมกับสำทับว่า จีนได้คอยอัปเดตแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดให้สหรัฐฯทราบตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมเป็นต้นมา
“การให้ร้ายด้วยการฟ้องร้องทำนองนี้ ย่อมไม่ช่วยเหลือการรับมือกับโรคระบาดภายในบ้านของสหรัฐฯเอง แล้วยังไม่เป็นผลดีแก่ความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย” เกิ่ง พูดถึงการฟ้องร้องของรัฐมิสซูรี ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงเมื่อวันพุธ
“สิงที่สหรัฐฯควรกระทำ คือการปฏิเสธและการโยนทิ้งการให้ร้ายด้วยการฟ้องร้องเช่นนี้”