เอเอฟพี - พรรครัฐบาลเกาหลีใต้คว้าชัยชนะถล่มทลายในศึกเลือกตั้งรัฐสภาตามความคาดหมายในวันนี้ (16 เม.ย.) หลังวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลายเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้สร้างผลงาน และช่วยเพิ่มคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดี มุน แจอิน
พรรคประชาธิปไตยของ มุน กวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ด้วยสัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 66.2 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดสำหรับการเลือกตั้งรัฐสภาในเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 1992
เมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ รัฐบาล มุน ยังถูกรุมเร้าด้วยข่าวการใช้อำนาจโดยมิชอบ และปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่พวกนักวิจารณ์ก็เยาะเย้ยแนวทางผูกมิตรกับเกาหลีเหนือของ มุน ว่า ใช้ไม่ได้ผลจริง แต่หลังจากที่เกาหลีใต้รับมือการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และยังสามารถส่งออกชุดตรวจไวรัสไปช่วยเหลืออีกอย่างน้อย 20 ประเทศ ทำให้ภาพลักษณ์ของ มุน และพรรคประชาธิปไตยดีวันดีคืน ก่อนถึงศึกเลือกตั้งรัฐสภาซึ่งเป็นเสมือนประชามติชี้วัดคะแนนนิยมในตัวผู้นำรายนี้
พรรคประชาธิปไตยกวาดที่นั่ง ส.ส. ไปได้ 163 จากทั้งหมด 300 ที่นั่ง ส่วนพรรคน้องก็คาดว่าจะได้มาอีก 17 ที่นั่ง รวมเป็น 180 ที่นั่ง โดยผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศในช่วงบ่ายวันนี้ (16)
สำหรับพรรคฝ่ายค้าน ยูไนเต็ด ฟิวเจอร์ ปาร์ตี้ (UFP) และพรรคพันธมิตรคาดว่าจะได้ ส.ส. รวมกันเพียง 103 ที่นั่ง
มินซอน กู นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต ระบุว่า ความเชื่อมั่นในรัฐบาล มุน ถูกกระตุ้นด้วยสิ่งที่เรียกว่า “การทูตโคโรนาไวรัส” (coronavirus diplomacy) ซึ่งรวมถึงการที่ มุน ได้โทรศัพท์หารือกับผู้นำอย่างน้อย 20 ประเทศ
เธอมองว่า ประธานาธิบดี มุน ยังประสบความสำเร็จในการทำให้โรคระบาดครั้งนี้ “กลายเป็นโอกาสพลิกฟื้นเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในด้านปัญญาประดิษฐ์ และชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharma)” และการที่รัฐบาลมีแนวทางยับยั้งการระบาดที่ได้ผลจริงจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลกก็ทำให้ประชาชนรู้สึกวางใจ
เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกๆ ที่จัดการเลือกตั้งระดับชาติในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด แต่ก็ยังคงเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด โดยผู้ใช้สิทธิ์ทุกคนจะต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ สวมถุงมือพลาสติก และผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนจะเข้าไปในหน่วยเลือกตั้ง หากผู้ใดมีไข้ก็จะถูกส่งไปยังคูหาแยกต่างหาก และมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อระหว่างผู้ใช้แต่ละคนด้วย
ลีฟ-เอริค อีสลีย์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอีฮวาในกรุงโซล เตือนว่า แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะช่วยเบนความสนใจของประชาชนจากข้อวิจารณ์ของพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นสิ่งที่ “อันตราย” หาก มุน ตีความว่าชัยชนะครั้งนี้ทำให้เขาพ้นข้อครหาดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ
“เกาหลีเหนือตอบแทนความพยายามมีปฏิสัมพันธ์ของโซลด้วยการดูหมิ่นเหยียดหยามทางการทูตและการทดสอบขีปนาวุธ ส่วนความพยายามเอาใจจีนก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เขากล่าว
“การใช้คำพูดขึงขังกับญี่ปุ่นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเกาหลีใต้ ในขณะที่พวกหัวก้าวหน้าก็ต้องการเร่งรัดปฏิรูปกองทัพ และไม่เห็นด้วยที่โซลจะต้องแชร์ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อคงทหารอเมริกันไว้ในเกาหลีใต้”
