xs
xsm
sm
md
lg

เจฟฟ์ เบซอส “เจ้าพ่อแอมะซอน” รวยขึ้นอีกเกือบ 8 แสนล้าน เพราะ “โควิด-19”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและบิ๊กบอสของ แอมะซอน (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 22 ต.ค. 2019)
บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ - เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและนายใหญ่ของ แอมะซอน ร่ำรวยเพิ่มขึ้นอีก 24,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 784,000 ล้านบาท) หลังจากดีมานด์ความต้องการในเรื่องชอปปิ้งทางออนไลน์พุ่งพรวด ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัททะยานทำระดับสูงสุดครั้งใหม่

เบซอสเวลานี้จึงมีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 138,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.51 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้ ตามดัชนีอภิมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) ทำให้ฐานะการเป็นคนรวยที่สุดในโลกของเขายิ่งมั่นคงเข้าไปใหญ่

แอมะซอนได้ประโยชน์จากการชอปปิ้งผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งกำลังขยายตัวคึกคัก เนื่องจากผู้คนถูกมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ บังคับให้ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน

มีรายงานว่า บริษัทกำลังรับสมัครคนงานเพิ่มขึ้นเป็นพันเป็นหมื่นคน เพื่อให้สามารถรับมือกับดีมานด์ที่พุ่งสูง

อย่างไรก็ดี แอมะซอนก็ถูกพวกลูกจ้างพนักงานในสหรัฐฯวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันว่า ปล่อยปละไม่ได้มีการปกป้องคุ้มครองสถานที่ทำงาน และลูกจ้างพนักงานเท่าที่ควร เพื่อไม่ให้ติดเชื้อไวรัส

เบซอสนั้น เป็นเจ้าของหุ้น 11% ในแอมะซอน และในวันอังคาร (14) หุ้นของบริษัทไต่สูงขึ้นมา 5.3%


ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลวอลตัน ที่อยู่เบื้องหลัง วอลมาร์ท ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐฯ ก็มั่งคั่งขึ้นมาเยอะในช่วงการใช้มาตรการล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน

ตามข้อมูลตัวเลขของบลูมเบิร์ก ตระกูลวอลตันมีทรัพย์สมบัติสุทธิเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้ รวมแล้วอยู่ในระดับ 169,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.52 ล้านล้านบาท) ทำให้พวกเขาเป็นตระกูลที่รวยที่สุดในโลก

จากการที่ผู้คนจำนวนมากมายกำลังทำงานจากบ้าน “ซูม” (Zoom) แอปประชุมทางไกลแบบออนไลน์ จึงได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นอีก และทำให้ความมั่งคั่งของผู้ก่อตั้ง อีริก หยวน สูงขึ้นกว่าเท่าตัว อยู่ในระดับ 7,400 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยหนักในเวลานี้ อภิมหาเศรษฐีที่ยากจนลงยังคงมีสูงกว่าพวกที่ร่ำรวยขึ้น ดัชนี Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า ในปีนี้นับจนถึงตอนนี้ คนรวยที่สุดในโลก 500 อันดับแรก ได้สูญเสียเงินทองไปแล้วรวม 553,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 18.08 ล้านล้านบาท)
กำลังโหลดความคิดเห็น