xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตโควิด-19 ในยุโรปไม่นิ่ง “สเปน-อิตาลี” แนวโน้มดีขึ้น แต่ UK สาหัส, ยอดตายฝรั่งเศสทะลุ 1.5 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์/เอเอฟพี - สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในยุโรป ยังไม่นิ่ง ในวันอังคาร (14 เม.ย.) ฝรั่งเศสกลายเป็นชาติที่ 4 ที่มีผู้เสียชีวิตเกิน 15,000 ศพ ส่วน อิตาลี และสเปน พบตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ชะลอตัวลงต่ำสุดรอบราวๆ 1 เดือน สวนทางกับสหราชอาณาจักร ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังแตะระดับ 5,000 คน และผู้เสียชีวิตสะสมทะลุ 12,000 คนแล้ว

ยอดผู้เสียชีวิตสะสะสมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฝรั่งเศส อยู่ที่ 15,729 คน กลายเป็นประเทศที่ 4 ที่มียอดผู้เสียชีวิตเกิน 15,000 ศพ ตามหลังอิตาลี, สเปน และ สหรัฐฯ หลังจากรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 762 คน ในวันอังคาร (14 เม.ย.) ถือเป็นการพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในอัตราที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากทรงตัวมาหลายวันก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ลดลงเหลือ 6,730 คน จาก 6,821 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นการลดลง 6 วันติด บ่งชี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่งขยายออกไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม เมื่อวันจันทร์ (13 เม.ย.) ส่งผลกระทบในทางบวกในความพยายามสกัดการแพร่ระบาด

ส่วนในอิตาลี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 602 คน ในวันอังคาร (14 เม.ย.) เพิ่มขึ้นจาก 566 คน หนึ่งวันก่อนหน้านี้ นับเป็นการเพิ่มขึ้น 2 วันติด แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ชะลอตัวลงจาก 3,153 คน ในวันจันทร์ (13 เม.ย.) เหลือ 2,972 คน ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม

อย่างไรก็ตาม ด้วยยอดรวมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาดในอิตาลี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพิ่มเป็น 21,067 คน ส่งผลให้พวกเขายังเป็นชาติที่มีผู้เสียวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐฯ

ในส่วนของยอดผู้ป่วยสะสมอย่างเป็นทางการของอิตาลี เพิ่มเป็น 162,488 คน สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯและสเปน

เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของยูโรโซนแห่งนี้กำลังขาดรุ่งริ่ง หลังตัดสินใจล็อกดาวน์ประเทศมานานกว่า 1 เดือนในความพยายามจำกัดการแพร่ระบาด ด้วยภาคธุรกิจเกือบทั้งหมดถูกปิดตาย ยกเว้นแต่กลุ่มธุรกิจที่พิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นต่อห่วงโซ่อุปทานของประเทศจริงๆ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประมาณการเมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของอิตาลีจะหดตัว 9.1% ในปีนี้ หนักหนาที่สุดกว่าชาติยักษ์ใหญ่ไหนๆ ในยูโรโซน ในขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดหมายว่าเศรษฐกิจทั้งยูโรโซน จะหดตัวราวๆ 7.5%


ด้านสเปน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิด-19 ทะลุ 18,000 ศพแล้ว ในวันอังคาร (14 เม.ย.) แต่การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว

กระทรวงสาธารณสุขสเปน เผยว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 576 คน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวันจันทร์ (13 เม.ย.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 18,056 คน รั้งอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และ อิตาลี

ในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 3,045 คน หรือ 1.8% ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 172,451 คน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ประเทศที่มีประชากรราว 47 ล้านคนแห่งนี้ กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ประเทศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบอกว่า สเปนผ่านจุดพีกของการแพร่ระบาดแล้ว หลังจากเคยพบผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดถึง 950 ศพ เมื่อวันที่ 2 เมษายน

สถานการณ์ในสเปนดูจะสวนทางกับสหราชอาณาจักร หลังกระทรวงสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร แถลงในวันอังคาร (14 เม.ย.) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตตามโรงพยาบาลต่างๆ จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพิ่มเป็น 12,107 คน หลังจากพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 778 ศพ เพิ่มขึ้นจาก 717 คน เมื่อวันจันทร์ (13 เม.ย.) เล็กน้อย แต่ก็ต่ำลงอย่างมากจากระดับสูงสุด 980 ศพเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,252 คน ในวันอังคาร (14 เม.ย.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 93,873 คน รั้งอันดับ 6 ของโลก รองจากสหรัฐฯ, สเปน, อิตาลี, ฝรั่งเศส และ เยอรมนี

อย่างไรก็ตาม เกรงกันว่า ข้อมูลอย่างเป็นทางการจะต่ำกว่าตัวเลขที่แท้จริงอย่างมาก โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตตามบ้านพักคนชราในสหราชอาณาจักร ด้วยองค์กรการกุศลต่างๆ แสดงความกังวลว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากมายกว่าที่รายงาน

นอกเหนือจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว สหราชอาณาจักรยังต้องกังวลกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดใหญ่นี้เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ด้วยคาดหมายกันว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอาจหดตัวถึง 13% ในปีนี้ ในกรณีที่มีการล็อกดาวน์ยาว 3 เดือน

สำนักงานความรับผิดชอบด้านงบประมาณ( (OBR) แห่งสหราชอาณาจักร เตือนว่า ผลกระทบจากโควิด-19 อาจก่อคลื่นความช็อกแก่เศรษฐกิจของประเทศสาหัสกว่าวิกฤตการเงินโลกปี 2008


กำลังโหลดความคิดเห็น