เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งเกิน 100,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันศุกร์(1เม.ย.) ในนั้นเกือบ 70% เสียชีวิตในยุโรป จากการนับของเอเอฟพีและรอยเตอร์ที่รวบรวมตัวเลขจากแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์แห่งสหรัฐฯ
เอเอฟพีซึ่งใช้ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลประเทศต่างๆ และ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า จนถึงช่วงค่ำของวันศุกร์ (10 เม.ย.) ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งอุบัติขึ้นในจีนเมื่อเดือนธันวาคม อยู่ที่ 100,661 คน ในนั้น 70,245 คนอยู่ในยุโรป
อิตาลีเป็นชาติที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 18,849 คน หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 570 คนในวันศุกร์ (10 เม.ย.) รองลงมาคือ สหรัฐฯ 17,925 ศพ และ สเปน 15,843 คน
ส่วนเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์การระบาดโควิด-19 แบบออนไลน์ ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ก็รายงานเช่นกันว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 นั้น พุ่งเกิน 100,000 ศพแล้ว โดยระบุจากการรวบรวบข้อมูลของทางมหาวิทยาลัย พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 101,526 คน และมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 1,673,423 คน
นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้นในจีนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เวลานี้มีประเทศและดินแดนต่างๆ รวมแล้วมากกว่า 210 แห่งที่รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในตอนนี้ ก็คือ สหรัฐฯ ซึ่งจากการนับของรอยเตอร์ พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 490,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันศุกร์ (10 เม.ย.) อีกอย่างน้อย 21,000 คน แม้พบสัญญาณว่าคำขอให้อเมริกันชนอยู่แต่ในบ้าน กำลังช่วยสกัดผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ ก็ตาม
รอยเตอร์ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันในสหรัฐฯ อยู่เกินระดับ 1,900 ศพ มา 3 วันติดต่อกันและในวันศุกร์ (3 เม.ย.) ยอดผู้เสียชีวิตรายวันก็พุ่งเหนือ 1,500 ศพแล้ว แม้อีกหลายรัฐยังไม่รายงานสรุปตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันก็ตาม จึงมีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯอาจแซงหน้าอิตาลี รั้งอันดับ 1 ในฐานะชาติที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกในไม่ช้านี้ หลังจากแซงหน้าทุกๆ ชาติครองเบอร์ 1 ด้านมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดมาหลายสัปดาห์แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันคำเตือนของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งบอกกับอเมริกันชนว่า ให้เตรียมตัวเผชิญกับยอดผู้เสียชีวิตอันน่าตื่นกลัวในสัปดาห์นี้ แม้พบหลักฐานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในนิวยอร์กกำลังทรงตัวก็ตาม ในขณะที่รัฐแห่งนี้คือศูนย์กลางการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ
ในอิตาลี ตัวเลขผู้เสียชีวิตมีท่าทีชะลอตัวลง โดยข้อมูลจาก worldometers เว็บไซต์เอกชนติดตามสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่าพบผู้เสียชีวิตรายวันเพียง 570 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 18,849 คน และผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันลดลงเหลือ 3,951 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 147,577 รั้งอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯ และ สเปน
แม้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่นายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนติ ระบุในวันศุกร์ (10 เม.ย.) ว่า เขาตัดสินใจอย่างยากลำบากในการขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศแห่งนี้ต่อไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม แม้มาตรการดังกล่าวได้ก่อความเสียหายอย่างหนักแก่เศรษฐกิจของประเทศก็ตาม
ด้านฝรั่งเศสในวันศุกร์ (10 เม.ย.) รายงานพบผู้เสียชีวิตจากจากโควิด-19 ตามโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราต่างๆ ในช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา 987 ศพ แต่อีกด้านหนึ่งจำนวนคนไข้ที่อยู่ในห้องไอซียูลดลง 2 วันติดต่อกัน ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในฝรั่งเศสเพิ่มเป็น 13,197 คน มากสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
ที่น่าสนใจก็คือ เยอรมนี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจะไล่หลังฝรั่งเศสมาไม่ห่างนัก คือ 120,157 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1,922 คน ในวันศุกร์ (10 เม.ย.) แต่ในประเทศแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตเพียง 2,688 คนเท่านั้น