เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันในวันอังคาร (24 มี.ค.) ว่าต้องการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์สกัดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ช่วงกลางเดือนเมษายน เตือนถ้าขืนบังคับใช้มาตรการต่างๆ ต่อไปอาจเป็นการทำลายประเทศ
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ทรัมป์และคณะทำงานด้านโควิด-19 ของเขา ได้ออกคำแนะนำให้ประชาชนทั่วประเทศเว้นระยะห่างทางสังคมและงดการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นเวลา 15 วัน ในความพยายามลดการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ซึ่งหวังได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน เริ่มหมดความอดทนต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
“หลายคนเห็นด้วยกับผม ประเทศของเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อชัตดาวน์” เขาให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ “ด้วยแนวทางการชัตดาวน์ คุณอาจทำลายประเทศได้เลย ผมอยากเปิดประเทศและพร้อมจะลุยในวันอีสเตอร์” ทรัมป์กล่าว ทั้งนี้ วันอีสเตอร์ปีนี้คือวันที่ 12 เมษายน
มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และกักกันโรคอยู่แต่ในบ้าน ถูกนำมาใช้เกือบทั่วสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกต้องอยู่ในภาวะแน่นิ่งอย่างฉับพลัน
พวกผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่ามาตรการต่างๆ นานาดังกล่าวคือหนทางเดียวอย่างง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ และปกป้องชีวิตผู้คนจำนวนมากโรคร้าย ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมได้และปัจจุบันอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ที่ทำเนียบขาว ทรัมป์แสดงจุดยืนว่าการชัตดาวน์ประเทศนั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เลยเถิดเกินไป
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่า ประเทศแห่งนี้ไม่เคยใช้มาตรการสุดขั้วต่างๆ ในการจัดการกับอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการเสียชีวิตจากไข้หวัดแบบเดียวกับโคโรนาไวรัส โดยเขาบอกว่าอเมริกันชนควรกลับมาทำงานตามปกติ แต่ยังคงใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป ตามคำแนะนำของพวกผู้เชี่ยวชาญที่บอกว่ามันมีความสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ
“เราสูญเสียผู้คนหลายหมื่นหลายแสนให้กับไข้หวัดในแต่ละปี แต่เราก็ไม่เห็นจะปิดประเทศ” ทรัมป์อ้าง “เราสูญเสียผู้คนมากมายไปกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็ไม่เห็นมีใครไปเรียกบริษัทรถยนต์มาแล้วบอกว่าหยุดผลิตรถยนต์ซะ เราไม่ต้องการรถยนต์อีกแล้ว”
ด้วยที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งต้องหยุดชะงักไปด้วย ทรัมป์แสดงความกระตือรือร้นเข้าสู่การชิงชัยโดยเร็ว โดยหนึ่งในนโยบายหาเสียงหลักสำหรับก้าวสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศสมัย 2 ของเขาก็คือเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอัตราคนว่างงานระดับต่ำ ซึ่งมาก่อนการแพร่ระบาดของของไวรัส
“เราไม่อาจเสียโบอิ้ง เราไม่อาจสูญเสียบริษัทบางแห่ง” เขากล่าว “ถ้าเราสูญเสียบริษัทเหล่านี้ นั่นหมายถึงงานหลายแสนหลายหมื่นตำแหน่ง” ทรัมป์กล่าว พร้อมบอกว่าไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ฆ่าคนน้อยกว่า “ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ” และจะมีคนตายมากกว่านี้หากว่าไม่ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ นานาที่กำหนดออกมาเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
ความประสงค์ที่จะผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ของทรัมป์ มีขึ้นแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยในอังคาร (24 มี.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,860 คน เสียชีวิตเพิ่มเติม 69 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 49,594 คน เสียชีวิต 622 คน