เอเจนซีส์ - อิตาลีกำลังยกระดับมาตรการปิดเมืองเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระงับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และน่าจะมีมาตรการเข้มงวดๆ อื่นตามมาอีก แต่ความสูญเสียทางด้านชีวิตและเศรษฐกิจจะต้องสูงขึ้นอีกมาก
อิตาลีก้าวพลาดหลายอย่าง อิตาลีมีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แซงหน้าจีนไปแล้ว ขณะที่จีนมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 3,300 คน แต่ผู้เสียชีวิตในอิตาลีพุ่งไปเกิน 6,000 คน
ทั้งๆ ที่จำนวนประชากรในอิตาลีมีประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ของประชากรจีนเท่านั้น ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อก็พุ่งเกือบ 60,000 คน มากกว่าสเปนและเยอรมนีเป็นเท่าตัว
อิตาลีเป็นประทศแรกในยุโรปที่พบการแพร่บาดภายในประเทศ จากนั้นฝรั่ง อังกฤษ และสหรัฐฯ ก็ตามมาติดๆ
มีเหตุผลหลายข้ออธิบายการแพร่ระบาดรุนแรงในอิตาลี ส่วนหนึ่งอาจเพราะประเทศนี้มีประชากรผู้สูงอายุมาก
อายุเฉลี่ยของประชากรประเทศนี้อยู่ที่ 45 ปี ผู้สูงอายุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักมาก อายุเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้อยู่ที่ประมาณ 80 ปี
ประเทศนี้ลูกหลานและปู่ย่าตายายอาศัยในบ้านหลังเดียวกัน นั่นอาจช่วยให้เชื้อไวรัสแพร่สู้ผู้สูงอายุ
ถึงญี่ปุ่นจะมีผู้สูงอายุมากเหมือนกัน แต่ด้วยสังคมแบบต่างคนต่างอยู่ ประเทศนี้จึงยับยั้งการแพร่ระบาดได้ชะงัด
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือแคว้นลอมบาร์เดียทางเหนือของอิตาลี เกือบครึ่งของผู้ติดเชื้อในประเทศและ 2 ใน3 ของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตมาจากพื้นที่นี้
แคว้นนี้เป็นแหล่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและมีการติดต่อทางการค้ากับประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนอย่างเหนียวแน่น นั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไมการแพร่ระบาดในอิตาลีเริ่มต้นจากที่นี่
การแพร่ระบาดไม่ได้ถูกควบคุมอยู่ชั่วระยะหนึ่ง บางโรงพยาบาลเล็กๆ จัดการกับผู้ป่วยกลุ่มแรกอย่างไม่ถูกต้อง บวกกับมลพิษทางอากาศที่น่าจะทำให้คนอิตาลียิ่งมีความเสี่ยงเจ็บป่วยจากผลพวงของเชื้อไวรัสนี้
ช่วงแรกรัฐบาลชะล่าใจกับปัญหานี้มาก เมื่อปลายเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนเต บอกว่า อิตาลีเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดนี้อย่างเต็มที่ และรัฐบาลกำลังใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดที่สุดในยุโรป
ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในอิตาลี นักการเมืองหลายคนออกมาบอกให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ
นายกเทศมนตรีมิลาน เมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย แชร์คลิป “Milan doesn’t stop” ที่มีข้อความในคลิปว่า “เราสร้างปาฏิหาริย์ เราสร้างความสำเร็จทุกวัน เพราะว่าเราไม่กลัว มิลานจะไม่หยุดนิ่ง”
ถึงกระนั้น รัฐบาลก็เริ่มใช้มาตรการเข้มงวดจริงๆ โดยเริ่มปิด 11 เมืองในตอนใต้ของลอมบาร์เดียและอีกหนึ่งเมืองในแคว้นเวเนโต มีการปิดโรงเรียน ห้ามการชุมนุม และสั่งปิดประเทศในที่สุดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม
แต่ความผิดพลาดอยู่ที่ในตอนแรกนั้น รัฐบาลไม่ได้บังคับสั่งปิดอีกพื้นที่หนึ่งในลอมบาร์เดีย จังหวัดเบอร์การ์โม ซึ่งตอนนี้มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในอิตาลี
การตัดสินใจปิดหลายพื้นที่ทางเหนือของอิตาลีรั่วไปถึงหูสื่อก่อนได้รับอนุมัติ ทำให้คนแห่หนีลงไปทางใต้
ผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ถูกตรวจพบเชื้อกว่า 4,000 คน บ่งชี้ว่าแพทย์และพยาบาลอาจเป็นตัวแพร่เชื้อเสียเอง
และถึงแม้ว่าอิตาลีทำการตรวจไวรัสกว่า 230,000 ครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้ใช้กลยุทธ์การตรวจ ติดตาม และแยกเดี่ยว ซึ่งช่วยหลายชีวิตในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้หรือสิงคโปร์
อิตาลีน่าชื่นชมอยู่เรื่องหนึ่งคือการใช้มาตรการเข้มงวดจำกัดการเคลื่อนไหวของพลเมือง ซึ่งเป็นไปได้ยากมากสำหรับประเทศยุโรป แต่พวกเขากลับไม่มีแผนการระยะยาว เพราะว่ากลัวที่จะต้องแช่แข็งเศรษฐกิจเป็นระยะเวลาหลายเดือน
ซ้ำร้ายความผิดพลาดดังกล่าวยังเกิดขึ้นซ้ำๆ ในยุโรป ฝรั่งเศสและสเปนรออยู่นานกว่าจะปิดพื้นที่ อังกฤษเปลี่ยนใจจากแผนเดิมกะทันหันมาใช้มาตรการควบคุมที่เบากว่า
หลายประเทศในเอเชียกลับทำได้ดีกว่าในการจัดลำดับความสำคัญนี้ นั่นคือบทเรียนที่อิตาลีและชาติตะวันตกควรพิจารณาในเวลานี้