เอเจนซีส์ – ทรัมป์เผยผลตรวจเชื้อโควิดเป็นลบ ขณะที่อเมริกาขยายมาตรการแบนการเดินทางครอบคลุมอังกฤษและไอร์แลนด์ ท่ามกลางความวิตกกังวลของอเมริกันชนจากยอดผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ผู้นำสหรัฐฯ ยังสำทับว่า กำลังพิจารณาจำกัดการเดินทางภายในประเทศด้วย
หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวดำเนินมาตรการคัดกรองด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิผู้สื่อข่าวก่อนเข้าสู่ห้องแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ (14 มี.ค.) แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่า ผลการตรวจหาเชื้อเมื่อคืนวันศุกร์ (13 มี.ค.) ออกมาเป็นลบ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์พบคณะผู้แทนจากบราซิล ซึ่งสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งคนได้รับการตรวจพบในภายหลังว่า ติดไวรัสโควิด-19
ทรัมป์เสริมว่า ประชาชนอเมริกันควรทบทวนแผนการเดินทางที่ไม่จำเป็น และคณะบริหารยังกำลังพิจารณาจำกัดการเดินทางภายในประเทศ
ดร.แอนโธนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ เผยยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดในอเมริกาอยู่ที่ 2,226 คน และว่า สถานการณ์จะเลวร้ายที่สุดก่อนดีขึ้น แต่ยืนยันว่า ผู้ป่วย 99% จะฟื้นตัว สำหรับผู้เสียชีวิตทั่วอเมริกามีอย่างน้อย 58 คน
ขณะเดียวกัน มีเสียงวิจารณ์ว่า ทรัมป์สนใจตลาดการเงินมากเกินไป โดยเมื่อวันศุกร์ (13 มี.ค.) ดัชนีหลัก 3 ตัวของวอลล์สตรีทฟื้นกว่า 9% หลังดำดิ่งรุนแรงที่สุดนับจากปี 1987 ในวันก่อนหน้า (12 มี.ค.) โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวทำสถิติในช่วงเวลาเพียง 45 นาที
หลังจากนั้นจึงถึงคิวรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ที่เป็นหัวหน้าทีมรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งประกาศว่า อเมริกาจะขยายมาตรการจำกัดการเดินทางครอบคลุมอังกฤษและไอร์แลนด์ มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันจันทร์ (16 มี.ค.) จากเดิมที่จำกัดเพียงจีนและเพิ่มยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (ดีเอชเอส) เผยว่า สาเหตุที่ทรัมป์ตัดสินใจแบนอังกฤษด้วยเนื่องจากเมืองผู้ดีมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยในวันเสาร์อังกฤษประกาศว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 10 คน หรือเกือบ 2 เท่าของวันศุกร์
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของดีเอชเอสที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ เผยว่า สาเหตุที่เพิ่มอังกฤษและไอร์แลนด์เพราะอเมริกาไม่สามารถระบุอย่างมีประสิทธิภาพว่า นักเดินทางจากสองประเทศนี้คือผู้ที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตรการแบนยุโรปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เพนซ์ยืนยันว่า พลเมืองอเมริกันและผู้พำนักโดยถูกกฎหมายจะสามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้
มาตรการจำกัดการเดินทางส่งผลให้สนามบินทั่วอเมริกาเกิดความโกลาหล นักเดินทางขาเข้าต้องรอการตรวจคัดกรองนานเป็นชั่วโมงก่อนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
วูล์ฟเผยว่า ดีเอชเอสกำลังประสานงานกับสายการบินต่างๆ เพื่อปรับปรุงเวลาในการคัดกรอง
คณะบริหารยังสั่งระงับการเดินทางไปยังสถานพักฟื้นคนชราเพื่อป้องกันผู้สูงวัยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด ทั้งนี้ สถานพักฟื้นคนชราแห่งหนึ่งในรัฐวอชิงตันเป็นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนามากที่สุด
เมื่อวันเสาร์ แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายแรกจากไวรัส เป็นหญิงวัย 82 ปีในย่านบรูกลินของนิวยอร์กซิตี้ และชายวัย 60-69 ปีในเทศมณฑลร็อกแลนด์ โดยทั้งคู่มีโรคประจำตัว
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้อเมริกาสั่งปิดโรงเรียนรัฐบาล รวมทั้งยุติการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมความบันเทิงและวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันแห่ซื้อของตุนจนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ว่างเปล่า ตั้งแต่น้ำยาฆ่าเชื้อ กระดาษชำระ จนถึงข้าวและนม ทำให้ผู้ค้าปลีกบางรายต้องประกาศจำกัดการซื้อสินค้าบางรายการ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อให้รัฐบาลกลางมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการจัดการวิกฤตสาธารณสุข และอนุมัติเงินช่วยเหลือราว 50,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังเรียกร้องให้ทุกรัฐจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อร่วมต่อสู้ไวรัส
นอกจากนั้นในวันเสาร์ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังผ่านมาตรการความช่วยเหลือที่อนุญาตให้ประชาชนได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี และลาหยุดได้โดยที่ยังได้รับเงินเดือนหากป่วยด้วยโรคนี้ เพื่อพยายามจำกัดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดว่า อาจทำให้อเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย