รอยเตอร์ - เยอรมนีจะใช้ทุกอย่างที่มีจัดการกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มันจะแพร่เชื้อสู่พลเมืองกว่า 70% ของชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรปแห่งนี้ จากคำพูดของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ในวันพุธ (11 มี.ค.) ความคิดเห็นที่เรียกเสียงตำหนิข้ามประเทศจากผู้นำสาธารณรัฐเช็กว่าอาจก่อความตื่นตระหนกในวงกว้าง
“เราจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อผ่านพ้นมันไปให้ได้ และจากนั้นในตอนท้ายเราจะดูว่ามันส่งผลกระทบอย่างไรต่องบประมาณของเรา” เธอบอกกับผู้สือข่าว บ่งชี้เหมือนต้องการปลีกตัวเองออกจากนโยบายไม่กู้ยืมใหม่ของเยอรมนี
แม้ยอมรับเธอเองก็ไม่รู้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะมีพัฒนาการไปในทิศทางใด แต่ แมร์เคิล เน้นย้ำว่าความเสี่ยงนั้นมหาศาล “ไวรัสอยู่ข้างนอกนั่น ปัจจุบันประชาชนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีวัคซีนหรือไม่มีวิธีรักษา เปอร์เซ็นต์จึงค่อนข้างสูง พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจะมีผู้ติดเชื้อสูงระดับ 60-70% ของประชากร ตราบใดที่มันยังเป็นแบบนี้อยู่” เธอกล่าว
ความเห็นดังกล่าวเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทันควันจากนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก ที่บอกว่าคำพูดของ แมร์เคิล นั้นอาจก่อความตื่นตระหนก “ผมไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเยอรมนี แม้ผมเชื่อว่าคำแถลงดังกล่าวรังแต่จะก่อความตื่นตระหนก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเราจะใช้มาตรการที่แข็งขันรับมือกับกรณีเจอกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด”
จากข้อมูลของสถาบันควบคุมโรคติดต่อ Robert Koch เยอรมนียืนยันพบผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 3 ราย และผู้ติดเชื้อ 1,296 คน
แมร์เคิล ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจาก บิลด์ หนังสือพิมพ์ที่มียอดขายมหาศาล วิพากษ์จารณ์ตำหนิเธอในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “โคโรนาแห่งความยุ่งเหยิง ไม่ปรากฏตัว ไม่พูดจาอะไร ไม่มีผู้นำในวิกฤตนี้”
ทั้งนี้ แมร์เคิลยังเรียกร้องให้ชาวเยอรมนีดูแลสุขอนามัยส่วนตัวและบุคคลที่สัมผัส พร้อมแนะนำให้จ้องตากันนานขึ้นสักวินาทีแทนการจับมือ “เราจะทำทุกอย่างที่จำเป็นในฐานะประเทศหนึ่งๆ และทำทุกอย่างที่จำเป็นร่วมกับยุโรป เรายังไม่สามาถวัดผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ แต่เราจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง” เธอกล่าว หลังจากรัฐบาลของเธอเคยให้สัญญาว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ในเวลาที่เหมาะสมและตรงเป้าหมาย”
ในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่า มาตรการปิดพรมแดนแบบเดียวกับออสเตรียที่บังคับใช้กับชาวอิตาลีนั้นไม่ได้ผล และระหว่างแถลงข่าวร่วมกับแมร์เคิล เขาได้ร้องขอให้ชาวเยอรมนีงดเข้าชมเกมการแข่งขันฟุตบอล, คอนเสิร์ต และเที่ยวคลับต่างๆ แต่เขายังไม่พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะปิดสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนต่างๆ
แมร์เคิลบอกว่า ในการปกครองแบบระบอบสหพันธรัฐ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ และเธอจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีของแต่ละรัฐในวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) เพื่อประสานงานความร่วมมือสำหรับตอบสนองต่อวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19
ระบอบสหพันธรัฐของเยอรมนี เป็นการตกลงกันโดยบรรดาเหล่าศัตรูของเยอรมนีที่ได้รับชัยชนะหลังศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของเยอรมนีเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ซ้ำรอยการรวมศูนย์อำนาจของพวกนาซี