เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เมืองใหญ่น้อยหลายแห่ง ภายในพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ในจีน ไม่ได้มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ ดังนั้นพวกชาวบ้านชาวเมืองอย่างเช่น ถัง อู่ซาน ซึ่งมีอาชีพเป็นคนงานโรงงาน จึงอยากจะส่งข้อความด้วยเสียงดังๆ ไปถึงพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบว่า ถึงเวลาที่จะยกเลิกการกักกันโรคพวกเขาได้แล้ว
ถัง อาศัยอยู่ในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของประเทศ ซึ่งประชากรเกือบๆ 60 ล้านคนของที่นี่ถูกปิดพื้นที่ถูกห้ามไม่ให้ไปไหนมาไหนมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ขณะที่รัฐบาลเร่งรีบสกัดกั้นการแพร่กระจายของไวรัสนี้ซึ่งปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลนี้
เขาไม่ได้ก้าวออกจากบ้านของเขาซึ่งอยู่ในเซียงหยาง ที่เป็นเขตชนบท ไปไหนต่อไหนเลยมาเป็นเวลามากกว่า 40 วันแล้ว
“มันนานเกินไปแล้วครับ” หนุ่มวัย 30 ปีผู้นี้โอดกับสำนักข่าวเอเอฟพีผ่านทางโทรศัพท์ พร้อมกับบอกด้วยว่า เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขา “กำลังจะสติแตก”
ในวันอาทิตย์ (8 มี.ค.) ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในมณฑลนี้เป็นวันที่สามติดต่อกัน ทั้งนี้ยกเว้นที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งยังมีเคสใหม่ๆ เป็นจำนวน 41 ราย การไม่พบผู้ป่วยใหม่ 3 วันต่อเนื่องกันเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มีการเผยแพร่สถานการณ์โรคระบาดประจำวันเมื่อเดือนมกราคม
ว่าเฉพาะในเซียงหยาง ไม่เจอเคสใหม่เลยมาเป็นเวลา 12 วันติดต่อกันแล้ว
ขณะที่เมืองเสียนหนิง กับอำเภอเสิ่นหลงเจีย ก็ไม่มีเคสใหม่ที่ยืนยันว่าติดเชื้อมาได้ 15 วันต่อเนื่องกัน
“มีบางท้องที่ด้วยซ้ำที่ไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสเลยตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด ผมคิดว่าพื้นที่เหล่านี้ควรค่อยๆ เปิดให้คนไปไหนมาไหนกันได้แล้ว” ถัง บอก
แฮชแทก “เมื่อไหร่จะเลิกปิดล็อกหูเป่ย” เป็นหัวข้อที่ถูกอ่านกันมากกว่า 100 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์มสื่อสังคม “เว่ยปั๋ว” ของจีน ซึ่งคล้ายๆ กับทวิตเตอร์ เมื่อนับกันจนถึงวันอาทิตย์ (8)
“สถานการณ์นี้ทำให้แผนของผมวุ่นวายไปหมด” ยูสเซอร์คนหนึ่งโพสต์ข้อความ “ทำได้ไหม ถ้าทางมณฑลจะเข้ามาตรวจตรา แล้วอนุญาตประชาชนให้สามารถไปไหนมาไหนได้กันทีละเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เลย?”
ในประเทศจีนโดยรวม มีผู้เสียชีวิตจาโควิด-19 รวมแล้วกว่า 3,000 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อมีมากกว่า 80,000 คน
ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตแทบทั้งหมดเกิดขึ้นในอู่ฮั่น แต่กระทั่งที่นั่นจำนวนเคสใหม่ๆ ก็ค่อยๆ ลดต่ำลงมาหลายสัปดาห์แล้ว
อิตาลี ซึ่งกลายเป็นประเทศที่กำลังเกิดการระบาดแผ่ลามไปอย่างรวดเร็วในช่วงหลังๆ นี้ กำลังจะเดินตามตัวอย่างของจีน โดยวางแผนประกาศห้ามการเดินทางไปมาในพื้นที่ขนาดใหญ่หลายๆ บริเวณทางภาคเหนือของประเทศ
“จีนและประเทศอื่นๆ กำลังสาธิตให้เห็นว่าการกระจายตัวของไวรัสนี้สามารถที่จะชะลอลงได้หรือกระทั่งพลิกผันกลับได้ทีเดียว โดยผ่านการใช้กิจกรรมจำกัดวงและควบคุมกันอย่างจริงจัง” องค์การอนามัยโลกแถลงสนับสนุนเมื่อวันเสาร์ (7) อันเป็นวันซึ่งจำนวนเคสในทั่วโลกพุ่งทะลุผ่านขีด 100,000 ราย
ถูกมองเหมือนเป็น‘เนื้องอก’
ในหูเป่ย ยูสเซอร์เว่ยปั๋วผู้หนึ่งเรียกร้องพวกเจ้าหน้าที่ให้ขบคิดคำนึงถึงพวกชาวบ้านชาวเมืองในพื้นที่ของมณฑลส่วนซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนจากไวรัสแบบไม่รุนแรงด้วย
“พวกเราทั้งหมดจากหูเป่ยต่างกำลังถูกดูถูกเหยียดหยามกันถ้วนหน้า” ข้อเขียนของบุคคลผู้นี้ระบุ “สถานการณ์สาหัสจริงๆ ในอู่ฮั่น แต่ทำไมจึงต้องปฏิบัติกับพวกเราทั้งหมดในหูเป่ยเหมือนกับเป็นเนื้องอกด้วย?”
หญิงสาววัย 23 ปีแซ่เจียงผู้หนึ่ง บอกกับเอเอฟพีว่า เธอยังคงต้องจ่ายเงินหลายพันหยวนเพื่อเป็นค่าเช่าบ้านซึ่งเธอไม่สามารถเดินทางกลับไปได้ เพราะมันอยู่ในนครเซินเจิ้น ใกล้ๆ ฮ่องกง
“ถึงแม้ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นตั้งสองสามเดือนแล้ว แต่ฉันก็ต้องเสียค่าเช่าอยู่ดี” เจียงกล่าว เธอกำลังติดอยู่ในเมืองเอนสือ ตั้งแต่เดินทางไปที่นั่นเนื่องในวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน
นอกเหนือจากแรงกดดันด้านการเงินแล้ว เธอยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่รู้สึกเป็นห่วง
“แมวของฉันฉันยังคงอยู่ในบ้าน (ที่เซินเจิ้น) ฉันทิ้งอาหารเอาไว้ให้มันซึ่งกินไปได้อีกสักแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น” เธอบอก
ยังมีคนอื่นๆ อีกซึ่งเล่าถึงสถานการณ์ที่ลำบากย่ำแย่ สืบเนื่องจากถูกมาตรการจำกัดการเดินทาง
ยูสเซอร์คนหนึ่งของเว่ยปั๋วซึ่งอยู่นอกอู่ฮั่นกล่าวว่า คุณย่าของเธอป่วยหนักและได้รับแจ้งว่าต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใหญ่ระดับมณฑล ทว่าไม่มีแห่งไหนรับเลย
“นอกจากพวกคนไข้ไวรัสโคโรนาแล้ว ชีวิตของคนอื่นๆ ล้วนไม่มีค่าหรือไง?” เธอถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“กำลังจะเป็นบ้าแล้ว”
สตรีอายุ 20 เศษๆ ที่เซียงหยางผู้หนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มันเป็นเรื่องลำบากยากเย็นมาโดยตลอดในการหาซื้อข้าวของประจำวันที่จำเป็น เนื่องจากไม่มีบริการส่งของที่จะคอยช่วยเหลือ ครอบครัวของเธอกำลังมีชีวิตอยู่รอดได้ก็ด้วยพวกพืชผักที่พวกเขาปลูกกันเอง
เธอจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องกลับไปทำงานของเธอที่อีกมณฑลหนึ่ง เนื่องจากนายจ้างไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้เธอเลยตั้งแต่มีการใช้มาตรการห้ามเดินทางเข้าออก ขณะที่เธอมีบิลล์บัตรเครดิตและค่าผ่อนบ้านที่จะต้องจ่าย
“ทุกๆ วันมีแต่แรงกดดันใหญ่โตมหึมา” เธอบอก
“ถ้าสิ่งต่างๆ ยังคงเป็นอย่างนี้ไปในเดือนนี้ โดยที่มณฑลยังคงปิด และไม่ว่าคนแข็งแรงหรือคนป่วยต่างก็ต้องอยู่ปะปนกันแล้ว คงมีคนจำนวนมากเลยที่กำลังจะเป็นบ้า และอาจจะทำเรื่องอะไรสุดโต่งขึ้นมาก็ได้”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปรากฏสัญญาณเนิ่นๆ หลายประการแล้วว่ากำลังจะมีการผ่อนคลายมาตรการจำกัดควบคุม
เมืองฉือปี้ ที่อยู่ทางด้านใต้ของอู่ฮั่น มีการเคลื่อนย้ายเอาเครื่องกั้นถนนออกไปเมื่อวันศุกร์ (6) หลังจากไม่มีเคสผู้ป่วยใหม่มาเป็นเวลา 19 วัน โดยยินยอมให้การสัญจรภายในเมืองทำกันได้อย่างเสรียิ่งขึ้น --ทว่ายังไม่ใช่การเปิดให้ออกนอกเมืองอย่างอิสระ
สำหรับอู่ฮั่นซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนหลายหมื่นราย ดูเหมือนยังห่างไกลจากการได้เสรี โดยเมื่อเดือนที่แล้วพวกเจ้าหน้าที่ได้ถอนประกาศที่ระบุว่า บางคนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างบางประการ
ในสัญญาณซึ่งสะท้อนถึงความหงุดหงิดผิดหวังที่กำลังคุกรุ่นในอู่ฮั่น คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งซึ่งกำลังเผยแพร่ไปทางออนไลน์วันพฤหัสบดี (5) แสดงให้เห็นชาวเมืองผู้หนึ่งตะโกนว่า “มันของปลอมทั้งหมดเลย” เมื่อตอนที่มีรองนายกรัฐมนตรีหญิงผู้หนึ่งเดินทางไปตรวจเยี่ยมกลุ่มอาคารแฟลตพักอาศัยของเธอ แล้วมีพวกอาสาสมัครกำลังนำเอาอาหารมาให้ชาวบ้านในแฟลต ทั้งนี้เพื่อประณามว่าทางคณะผู้บริหารกลุ่มอาคารจัดฉากเตี๋ยมเรื่องขึ้นมา
ในวันศุกร์ (6) เจ้าหน้าที่ส่วนกลางผู้หนึ่งได้กล่าวยืนยันด้วยถ้อยคำซึ่งชาวบ้านชาวเมืองในหูเป่ยกำลังวาดหวังที่จะได้ยินได้ฟัง ในเรื่องการยกเลิกมาตรการกักกันโรค
“ผมเชื่อว่าวันที่ทุกๆ คนกำลังรอคอยกันอยู่จะมาถึงในอีกไม่ไกลนับจากนึ้” ติง เซี่ยงหยาง รองเลขาธิการของคณะรัฐมนตรีจีน บอก
(เก็บความจากเรื่อง People at centre of China's virus outbreak say time to end lockdown ของสำนักข่าวเอเอฟพี)